คำต่อคำ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนประกาศกฎอัยการศึก ส่งสัญญาณชัดเป๊ะ !!!

คำต่อคำ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนประกาศกฎอัยการศึก ส่งสัญญาณชัดเป๊ะ !!!

 

จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มบานปลายมาตั้งแต่ปลายปี 2556 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 
ทำให้ปฏิกิริยาของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก กลายเป็นที่จับตามองของสังคมขึ้นมาทันที ว่าวิกฤตทางการเมืองนั้นจะจบลงด้วยกการทำรัฐประหารเหมือนเช่นในอดีตอีกหรือไม่ ซึ่งท่าทีพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถไล่เรียงได้ตามการให้สัมภาษณ์ใอดีต ดังนี้


วันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึง "กรณีการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทรกรรม ว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อทหารจะออกมาหรือไม่” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบว่า 

"ถ้าไม่สั่งก็คงไม่ออก แต่ถ้าสั่งให้ทหารออกก็ต้องดูว่าให้ออกไปทำอะไร ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลเมื่อสั่งให้ทหารออก เราก็ออก รัฐบาลชุดที่แล้วสั่งเราก็ออก ถ้ารัฐบาลชุดนี้สั่งแล้วเราไม่ออกจะได้หรือไม่...ก็ไม่ได้ ตนอยากจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าที่ทหารออกมาทุกครั้งออกมาด้วยคำสั่งตามกฎหมาย ไม่ใช่นึกอยากจะออกก็ออก ถ้าออกมาโดยที่ไม่ฟังคำสั่งถามว่าเหตุการณ์จะจบหรือไม่ ก็ไม่จบแล้วจะเรียกร้องให้ทหารออกมาทำไม ส่วนจะทำอย่างไรก็ไปคิดกันเอาเอง"


วันที่ 9 ธันวาคม 2556

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยยืนยันว่า 

ไม่ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ (9 ธ.ค.) จะเป็นอย่างไร ทหารจะไม่ปฏิวัติแน่นอน โดยสาเหตุที่ทหารจะไม่ปฏิวัติว่า หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีกจะเป็นการแก้ปัญหาผิดทาง เพราะจะทำให้ปัญหาอื่นๆ เกิดขึ้นตามมาอีก และไม่รู้ว่าสังคมไทยจะยืนอยู่บนสังคมโลกได้อย่างไร ลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร เข้าใจว่าทุกคนรักชาติ แต่ทำไมไม่เรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ


วันที่ 20 ธันวาคม 2556

ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากการประชุทสภากหลโหม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า  

วันนี้สิ่งที่ผมห่วงด้านความมั่นคง ผมพูดได้เต็มที่ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ในวันนี้ประชาชนทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด มีการปลุกระดมจนจะฆ่ากันอยู่แล้ว และถ้าฆ่ากันขึ้นมาจะทำอย่างไร ไม่ว่าจะสีแดง สีเหลือง หรือสีอะไรต้องไปตั้งโต๊ะคุยกันทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ถ้ายังปล่อยให้ทุกคนพูดกันอยู่อย่างนี้ ไม่มีทางแก้ไขปัญหาอะไรได้ แล้วจะมากดกันข้างบนจนถึงผู้บริหารขึ้นมาเรื่อยๆ สรุปว่า วันนี้ต้องแก้ปัญหาจากระดับล่างขึ้นมา แต่ใครจะทำผมไม่รู้” 


วันที่ 7 มกราคม 2557  

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวการเคลื่อนย้ายกำลังในช่วงนี้ว่า "มั่นใจหรือไม่กองทัพจะไม่ทำรัฐประหาร ?" ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 

ผมไม่ตอบ ผมไม่ยืนยันทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ผมคนเดียว ถ้าให้ผมกับองค์กรของผมมาแก้ปัญหา คงไม่ใช่ ทหารทำดีที่สุดแล้วคือ ทำให้สถานการณ์หยุดนิ่งอยู่กับที่ อาจรำคาญบ้างเล็กน้อย แต่อย่าใช้ยาแรง วันนี้เป็นไข้เล็กน้อย อาจจะเติมยาไปสักหน่อย ถ้าใช้ยาแรงมันอันตราย” 


วันที่ 22 มกราคม 2557  

ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ว่า 

"สิ่งที่เป็นห่วงคือเมื่อประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วสถานการณ์จะลดความรุนแรงหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพนั้นก็ได้เสนอแผนจากกองทัพไปยัง ศอ.รส.ตลอด และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม ทหารเป็นเพียงผู้สนับสนุน อย่างไรก็ตาม วันนี้เราต้องยึดถือกฎเกณฑ์ ไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือกฎเกณฑ์ได้ เพราะกำลังพลถืออาวุธ ดังนั้นการทำอะไรต่างๆ ต้องระมัดระวัง รวมถึงการวางตัวของทหารทุกคน ซึ่งตนได้กำชับกำลังพลที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่เสมอ ทหารมีบทเรียนมากมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน"


วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อ่านแถลงการณ์ชี้แจงจุดยืนของกองทัพบก ต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง5 (ททบ.5) ว่า 

"สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการจัดกำลังออกมาดูแลประชาชนในพื้นที่ที่มีการประกาศกฎหมายพิเศษเป็นจำนวนมากตลอด 24 ชั่วโมง หากเราดำเนินการไม่ถูกวิธี หรือใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ เราจะแน่ใจได้หรือว่า สถานการณ์จะยุติลงได้โดยสงบ ประการสำคัญคือ การใช้กำลังทหารคลี่คลายสถานการณ์อย่างเต็มรูปแบบนั้น จะได้รับการยอมรับจากประชาชนที่อยู่นอกเหนือจากความขัดแย้งนี้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ ทหารไม่ต้องการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กับคนไทยด้วยกันที่เห็นต่าง โดยไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ หากมีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติจะล่มสลายอย่างแน่นอน"


วันที่ 25 มีนาคม 2557

ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาเปิดเผยชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหนึ่งในรายชื่อว่า

 “คิดว่าคนพูดต้องไปหาทางแก้ปัญหาของตัวเองให้ได้เสียก่อนทั้งเรื่องคดีความ ปัญหาเรื่องข้าว ปัญหาของชาวนา ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรี อย่ามาพูดเรื่องอื่นที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และต้องไปถามเขา เขาตั้งผมได้ไหม ถ้าตั้งไม่ได้แล้วจะมาถามผมทำไม แล้วถามจะไปเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยกติกาไหน และกติกาจะเกิดหรือไม่ผมก็ไม่รู้ แต่อย่าถามผมว่า ผมจะทำนั่นทำนี่หรือไม่ ผมไม่ตอบ เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม และไม่ใช่เรื่องของผม” 


วันที่ 9 เมษายน 2557 

ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ถามถึง "แนวทางการแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคง" ว่า 

“ให้ไปถามรัฐบาล ถามฝ่ายการเมืองฝ่ายบริหารโน่น” 

พร้อมทั้งย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า
 “จะแก้อย่างไร ก็บอกมา ถือว่าเป็นมติพวกคุณ ถ้าวันหน้าผมต้องทำอะไร ผมจะได้บอกเป็นมติพวกคุณ เอาบอกมา ทำอะไร”

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีจุดยืนของกองทัพว่า

"จุดยืนกองทัพในตอนนี้ คือ ไม่เข้าข้างคนทำผิดกฎหมาย และเรื่องรัฏฐาธิปัตย์ DSI ก็ดำเนินการไปแล้ว ผมไม่ได้เข้าข้างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือใครทั้งนั้น เพราะทหารต้องทำหน้าที่ของทหาร ที่ทำอยู่ทุกวันไม่ใช่หน้าที่ แต่มาลงที่ทหารทั้งหมด จะรบกับศัตรูนอกประเทศก็ทหาร รบในประเทศก็จะใช้ทหาร เขียนไปเขียนมาให้ผมอยู่ข้างนั้นข้างนี้ ผมอยู่ข้างความถูกต้องเท่านั้น ภายใต้ความอดทนและทนอยู่ทุกวันนี้ ส่วนแนวทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ต้องไปถามรัฐบาล


วันที่ 15 พฤษภาคม 2557

จากแถลงการณ์ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์บ้านเมือง"

"หากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการจลาจล เพื่อความสงบเรียบร้อย  กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์  ในขั้นนั้นหากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธ ตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก  บุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มบุคคลนั้น จะต้องถูก จนท.ใช้มาตราการทางกฏหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด  โดยผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวอาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคลที่มีความคิดจะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที"


วันที่ 20 พฤษภาคม 2557

พลเอกประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.กอ.รส. กล่าวภายหลังการประชุมชี้แจงการประกาศกฎอัยการศึกกับหัวหน้าส่วนราชการ ว่า

"จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในขณะเดียวกันกองทัพพร้อมที่จะนำคู่ขัดแย้งมาเจรจา ซึ่งกำลังดำเนินการเรียกทุกฝ่ายเข้ามาเจรจา และวันนี้เราจะเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อให้บ้านเมืองสงบ โดยไม่มองถึงอดีต ส่วนสื่อหลายช่องที่สั่งระงับการออกอากาศนั้นต้องขออภัย เนื่องจากมีความจำเป็นเกรงว่าข้อมูลข่าวสารอาจถูกบิดเบือน และกฎอัยการศึกที่ใช่ในครั้งนี้ยังไม่ถือว่าเต็มรูปแบบ เพราะใช้เพียงบางข้อเท่านั้น ส่วนกรอบเวลากฎอัยการศึกนั้นจะจบลงเมื่อบ้านเมืองสงบ โดยจะพยายามหาทางออกให้เร็วที่สุด"


เมื่อถามถึงนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 พลเอกประยุทธ์ระบุว่า 

"ที่ประชุมไม่ได้กล่าวถึง แต่ถ้าทำได้ก็ทำ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ทหารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนการรัฐประหารนั้น เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้"



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์