ความรักชาติทางเศรษฐกิจ คมลัมน์หมายเหตุประเทศไทย จากไทยรัฐ โดยลม เปลี่ยนทิศ

สองเรื่องของสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ



ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจอยู่สองข่าว ผมคิดว่าน่าจะเป็น ตัวอย่างที่ดี ให้รัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้นำไปคิด ถ้าได้เข้ามาเป็นรัฐบาลกุมอำนาจเบ็ดเสร็จอีกครั้ง หลังเลือกตั้ง 2 เมษายน

นั่นก็คือเรื่อง ความรักชาติทางเศรษฐกิจ ที่กำลังระอุอยู่ในสหรัฐฯและฝรั่งเศส สองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก

แม้จะเป็นการขายกิจการของบริษัทเอกชนธรรมดาทั่วไป แต่ สภาสหรัฐฯ และ รัฐบาลฝรั่งเศส กลับนำเอาเรื่อง ความมั่นคงของชาติ และ ความรักในเศรษฐกิจของชาติ มาเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจ

เรื่องแรกก็คือ กรณีที่ดูไบ พอร์ต เวิร์ล บริษัทบริหารท่าเรือของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เศรษฐีน้ำมันแขก ทุ่มเงินก้อนใหญ่ 6,800 ล้านดอลลาร์ ราว 270,000 ล้านบาท ซื้อกิจการท่าเรือ 6 แห่งในสหรัฐฯ รวมท่าเรือนิวยอร์ก และท่าเรือในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ท่าเรือ 6 แห่งนี้ปัจจุบันเป็นของบริษัทอังกฤษ

บริษัทดูไบ พอร์ต เวิร์ล เอาชนะ บริษัทพีเอสเอ อินเตอร์ เนชั่นแนล ของ เทมาเสก ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลสิงคโปร์ ด้วยการเสนอวงเงินซื้อที่สูงกว่า

เรื่องน่าจะจบลงด้วยดี เพราะ ประธานาธิบดีบุช ตลอดจน นางคอนโดลิซา ไร้ซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ โดนัลด์ รัมเฟลด์ รัฐมนตรีกลาโหม ก็เห็นดีด้วย เพราะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเพื่อนซี้ทางการเมืองของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง

แต่สภาคองเกรสไม่ยอม เพราะกลัวว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และเตรียมเสนอกฎหมายพิเศษ เพื่อยับยั้งไม่ให้บริษัทต่างชาติเข้ามาบริหารกิจการท่าเรือของสหรัฐฯ

รัฐนิวเจอร์ซีย์ก็ไม่ยอม ยื่นฟ้องศาลให้ระงับการเทกโอเวอร์ครั้งนี้ และร้องไปยัง คณะกรรมาธิการการลงทุนต่างชาติ ให้ระงับการเทกโอเวอร์ ท่าเรือ 6 แห่งของดีพีเวิร์ล เพราะกลัวว่าจะเป็นช่องทางให้กลุ่มก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯง่ายขึ้น

ในที่สุด ประธานาธิบดีบุชก็ยอมให้มีการตรวจสอบการซื้อขายครั้งนี้ และเลื่อนการซื้อขายกิจการออกไป จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และไม่เป็นช่องทางให้ผู้ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯง่ายขึ้น

เช่นเดียวกับ รัฐบาลฝรั่งเศส ของ ประธานาธิบดีฌากส์ ชีรัก เมื่อ ตอนที่เดินทางมาเยือนไทยและต่อไปยังอินเดีย ผู้นำฝรั่งเศสได้พูดหลายครั้ง แสดงความไม่สบายใจที่ มิตตัล บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ของอินเดีย ซื้อกิจการ อาเซลอร์ บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วนี้เอง นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ก็สั่งให้ก๊าซ เดอ ฟรองซ์ รัฐวิสาหกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส เข้าไปซื้อกิจการของบริษัทสุเอซ เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทพลังงานเอกชนที่สำคัญแห่งนี้ถูกกลุ่มบริษัทเอเนล ของอิตาลี ไล่ซื้อกิจการไป

นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสให้เหตุผลว่า เพื่อสร้างกลุ่มบริษัทพลังงานของฝรั่งเศสให้ก้าวขึ้นสู่ระดับสุดยอดของโลก

แต่จริงๆแล้ว นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ดำเนินการตามนโยบาย ลัทธิรักชาติทางเศรษฐกิจ ของรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งเรียกร้องให้บริษัทของฝรั่งเศส และนักลงทุนฝรั่งเศสคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

ในขณะที่รัฐมนตรีอุตสาหกรรมอิตาลี ก็ออกมาแถลงโจมตีการกระทำของรัฐบาลฝรั่งเศสว่า เป็นการแสดงออกถึงลัทธิกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่

ที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ความมั่นคงปลอดภัยของชาติ และ การรักชาติทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่อง สำคัญ อย่างยิ่ง แม้ สองชาตินี้จะเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่อง การเปิดการค้าเสรี แต่ ผลประโยชน์ ชาติ ต้องมาก่อนครับ ผมขอฝากไว้กับรัฐบาลใหม่พรรคไทยรักไทยไว้ตรงนี้.




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์