ครม.สุดเครียด ยันค้านเขมร ดันแผนพระวิหาร

"พีระพันธุ์" แฉเล่ห์ขแมร์อ้างมรดกโลกหวังฮุบแผ่นดินไทย "กษิต" ซัดยูเนสโก ไม่โปร่งใส ปูดเบื้องหลังมหาอำนาจหนุนกัมพูชาเหตุมี "นักวิชาการ"เอี่ยวผลประโยชน์...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ก.ค.มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ที่ประชุมได้ใช้เวลาหารือถึงปัญหาข้อพิพาทปราสาทพระวิหารกันอย่างเคร่ง เครียดนานนานมากเป็นพิเศษประมาณ 1 ช.ม.นายอภิสิทธิ์ ได้แจ้งกับที่ประชุมครม.ว่า ขณะนี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่บราซิล นายสุวิทย์ได้รายงานตรงถึงตนเองตลอดเวลา นับแต่ออกเดินทางไปที่บราซิล โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกัมพูชา ได้บอกกับตนว่าท่าทีของไทยเรื่องนี้ ควรที่ไทยจะถอนตัวออกจากที่ประชุม แต่ขอให้ครม.มีมติที่ชัดเจนถึงท่าทีของรัฐบาลไทย จากนั้นนายกฯได้เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีแต่ละคนแสดงความคิดเห็น โดยก็มีรัฐมนตรีหลายคนแสดงความคิดเห็น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรม ที่บอกว่าการตัดสินใจเรื่องนี้รัฐบาลต้องทำให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุด อยากให้ชั่งน้ำหนักให้ดีว่าเราจะได้หรือเสีย ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวเสนอว่าประเทศไทยต้องมีความระมัดระวังในการพิจารณาและหา ทางออกเรื่องนี้

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ทางออกของเรื่องตอนนี้มี 2 ทาง คือ อยู่ในภาคีสมาชิก หรือออกมาแล้วไปต่อสู้กันข้างนอก เราต้องคิดให้ดี

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เท่าที่ได้ติดตามเรื่องมาเชื่อว่ากัมพูชาไม่ได้ต้องการแค่ให้ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก แต่วัตถุประสงค์ที่กัมพูชาต้องการคือดินแดนที่เป็นปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย กับกัมพูชามากกว่า และไม่แน่ใจในท่าทีของยูเนสโกเนื่องจากไม่ตอบสนองหรือยืนข้างประเทศไทย และเรื่องนี้ถึงท้ายที่สุดเราต้องยึดหลักอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ ต้องแยกให้ออกระหว่างการเป็นมรดกโลกกับเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนต้อง เป็นของเรา ยูเนสโกจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของไทยไม่ได้จากนั้น


ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า องค์กรระหว่างประเทศไม่ค่อยให้ความเป็นธรรมกับไทย ไม่โปร่งใส

จึงก่อให้เกิดความขัดแย้งโดยปกติแล้วเรื่องแบบนี้ต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ถึงค่อยนำเสนอแผนการบริหารพื้นที่ ขณะที่ประเทศมหาอำนาจที่เป็นกรรมการมรดกโลกที่กัมพูชาไปล็อบบี้บางประเทศมี นักวิชาการของเขาเข้าไปได้ประโยชน์อยู่ในพื้นที่กัมพูชาด้วย แต่การที่ไทยจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกภาคียูเนสโกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อทำหนังสือไปแล้ว ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีกว่าที่การถอนตัวดังกล่าวจะมีผล การจะถอนตัวจึงไม่ใช่เรื่องที่จะได้ง่ายๆ

ส่วน นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องอธิปไตยของประเทศสำคัญเหนือสิ่ง อื่นใด

โดยจะต้องมีท่าทีที่ชัดเจนแสดงออกมาทันที ควรจะให้ตัวแทนฝ่ายไทยถอนตัวออกมาจากการพิจารณาและถอนตัวออกจากการเป็นภาคี สมาชิก เพราะถ้าปล่อยเวลาไปจนเขมรอ้างมติกรรมการมรดกโลก แล้วนำกำลังหรือคนของเขาเข้าไปในพื้นที่ ก็จะนำไปสู่ปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด เมื่อถึงวันนั้นต่อให้ได้ประโยชน์อย่างไรก็ไม่คุ้มกับการสูญเสียสิทธิเหนือ อาณาเขตของไทย โดยหากไทยยังเป็นภาคีอยู่ก็จะยังคงมีปัญหาอยู่ ไม่จบสิ้น ไทยต้องยืนยันว่ายังเป็นดินแดนของเราอยู่ จริงๆแล้วกรรมการมรดกโลกมีบทบาทแค่รักษาโบราณสถานไว้เท่านั้น ถ้าต่อไปมีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเราจะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากนายไชยยศพูดจบ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที
 
ได้กล่าวตอบรับขึ้นว่า ถ้ารุกล้ำเข้ามาก็ยิงกัน หลังจากที่อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง มีรัฐมนตรีหลายคนต่างเสนอแนวทางว่าหากประเมินแล้วคณะกรรมการมรดกโลกมีแนว โน้มจะโหวตรับแผนบริหารจัดการฯของกัมพูชา จะทำอย่างไร โดยมีการเสนอตั้งแต่เบาไปหาหนักคือย้ายที่นั่งจากตำแหน่งของประเทศภาคีสมาชิก ไปนั่งในซีกผู้สังเกตการณ์ แต่นายไชยยศได้เสนอให้ตัวแทนฝ่ายไทย ลุกออกจากที่ประชุม หรือ วอล์กเอาท์ไม่ร่วมการพิจารณาโดยสิ้นเชิง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีเสนอถึงขั้นให้ถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกกรรมการมรดกโลก แต่ในประเด็นนี้ได้มีการถกเถียงกันหนัก เพื่อให้เกิดการพิจารณาอย่างรอบคอบ ถึงผลดีผลเสียของการต่อสู้ โดยที่ยังมีสถานะเป็นภาคีสมาชิก หรือ อยู่นอกวงแบบ ไหนจะได้ประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่ากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในที่สุด นายอภิสิทธิ์ ได้สรุปว่าเรื่องนี้ทางออกมีสามแนวทางที่รัฐบาลยึดถือ

คือ1.มติครม.ยังคงยืน ยันว่าไม่ยอมรับและคัดค้านแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของ กัมพูชา ส่วนจะถึงขั้นวอล์กเอาท์หรือไม่นั้นให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายสุวิทย์ และคณะผู้แทนรัฐบาล 2.ไทยจะพิจารณาทบทวนการเป็นภาคีของยูเนสโก และ 3.ภายในวันนี้ครม.จะมอบหมายให้นายกษิต ทำหนังสืออย่างเป็นทางการในนามกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแจ้งมติดังกล่าวไป ยังการประชุมยูเนสโกที่บราซิลและสำนักงานใหญ่ยูเนสโกที่ฝรั่งเศส ว่ารัฐบาลไทยไม่ยอมรับกับแผนพัฒนาพื้นที่เขาพระวิหารของกัมพูชา ด้วยเหตุว่าหากยูเนโกให้การยอมรับแผนดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงและ สร้างความแตกแยกต่อประชาชนทั้งสองประเทศอย่างรุนแรง

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์