ครม.ผ่านกรอบเข้มแข็งอีก2.2แสนล้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุม ครม.

ที่ประชุมมีมติอนุมัติกรอบวงเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2552 เพิ่มเติมอีก 227,939.01 ล้านบาท จากเดิมอนุมัติไปแล้ว 1,068,082 ล้านบาท รวมวงเงิน 1,296,021 ล้านบาท และอนุมัติกรอบการใช้เงิน พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพิ่มเติมอีก 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง จากที่อนุมัติไปแล้ว 3 แสนล้านบาท รวมเป็น 3.5 แสนล้านบาท เพราะเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น การจัดเก็บรายได้คาดว่าจะต่ำกว่าประมาณการ 2 แสนล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะต่ำกว่าประมาณการ 3 แสนล้านบาท ทำให้คาดว่าจะใช้เงินชดเชยเงินคงคลังประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ฐานะเงินคงคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท ถือว่าเพียงพอที่จะนำมาใช้ในการบริหารงบประมาณปี 2553


นายกรณ์กล่าวว่า รายละเอียดของโครงการลงทุนภายใต้วงเงินเพิ่มเติม คาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาสัปดาห์หน้า

ส่วนงบฯลงทุนที่เพิ่มเติม มีการจัดสรรสำหรับโครงการที่มีความสำคัญไว้แล้ว ได้แก่ 1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรในพืช 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และข้าว วงเงิน 4.1 หมื่นล้านบาท 2.โครงการเงินอุดหนุนการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 3 หมื่นล้านบาท 3.โครงการบ้านมั่นคง ซึ่งเตรียมงบฯ 6 พันล้านบาท แต่เบื้องต้นจะใช้เงินประมาณ 3 พันล้านบาทในช่วงรอยต่อของปีงบประมาณ 2552-2553 4.โครงการกองทุนหมู่บ้าน 1.9 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการไทยเข้มแข็งวงเงิน 2.27 แสนล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม แยกเป็น 14 สาขา ดังนี้


1.สาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตร วงเงิน 4,550 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 2,910 ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1,619 ล้านบาท และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 20 ล้านบาท
2.สาขาขนส่งระบบราง วงเงิน 530 ล้านบาท ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่เสนอจัดหาเครื่องกั้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ 100 แห่ง วงเงิน 450 ล้านบาท และโครงการศึกษาก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 80 ล้านบาท
3.สาขาขนส่งทางถนนวงเงิน 33,579 ล้านบาท กระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรรทั้งหมด โดยกรมทางหลวงได้รับจัดสรร 27,600 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบทได้รับจัดสรร 5,979 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีการกันไว้สำหรับโครงการถนนไร้ฝุ่นถึง 5,000 ล้านบาท
4.สาขาพลังงาน วงเงิน 574 ล้านบาท กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) 400 ล้านบาท โดยให้กรมอุตุนิยมวิทยาทำโครงการศึกษาและพัฒนาระบบศักยภาพเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) 174 ล้านบาท ทำโครงการ 1 ชุมชน 1 สวนป่า 1 โรงไฟฟ้าชีวมวล
5.สาขาการสื่อสาร วงเงิน 1,423 ล้านบาท กระทรวงไอซีทีได้รับจัดสรร 920 ล้านบาท และสำนักนายกรัฐมนตรี 503 ล้านบาท


6.สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว วงเงิน 1,336 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทยได้รับจัดสรรทั้งหมด แต่กันไว้สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ดำเนินโครงการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 1,280 ล้านบาท
7.สาขาพัฒนาด้านสาธารณสุข วงเงิน 9,636 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการได้รับจัดสรรมากที่สุด วงเงิน 6,560 ล้านบาท สภากาชาดไทย 1,690 ล้านบาท และกระทรวงสาธารณสุข 1,093 ล้านบาท
8.สาขาการศึกษา วงเงิน 13,008 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการได้รับจัดสรร 9,641 ล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรี 2,515 ล้านบาท
9.สาขาสวัสดิภาพของประชาชน วงเงิน 17,670 ล้านบาท กระทรวงกลาโหมได้รับ 5,618 ล้านบาท โดยกองทัพบกได้รับจัดสรร 3,902 ล้านบาท กองทัพเรือ 480 ล้านบาท กองทัพอากาศ 754 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 329 ล้านบาท กระทรวงการคลัง 3,920 ล้านบาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3,228 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 2,000 ล้านบาท กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1,500 ล้านบาท


10.สาขาสิ่งแวดล้อม วงเงิน 2,630 ล้านบาท กระทรวงไอซีที 1,500 ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1,130 ล้านบาท
11.สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว วงเงิน 5,457 ล้านบาท กระทรวงการคลังได้รับจัดสรร 2,900 ล้านบาท เพื่อโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 463 ล้านบาท
12.สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์วงเงิน 3,425 ล้านบาท กระทรวงวัฒนธรรม 1,688 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ 644 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม 600 ล้านบาท สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 400 ล้านบาท สำนักงานศิลปวัฒธรรมร่วมสมัย 300 ล้านบาท กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 267 ล้านบาท องค์การสวนสัตว์ 40 ล้านบาท
13.สาขาการลงทุนในระดับชุมชน 81,183 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 34,477 ล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรี 20,779 ล้านบาท กระทรวงกลาโหม 64 ล้านบาท สำหรับโครงการกองทุนหมู่บ้าน 19,589 ล้านบาท และ
14.สาขาประกันรายได้และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 41,923 ล้านบาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับจัดสรร 41,000 ล้านบาท สำหรับโครงการประกันรายได้

นอกจากนี้ รัฐบาลได้กันเงินสำรองจ่ายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการไทยเข้มแข็งไว้อีก 11,000 ล้านบาท

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. แจ้งว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ ครม.เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14 ตุลาคม อย่างพร้อมเพรียง

เนื่องจาก ส.ส. รัฐบาลต้องไปร่วมลงมติไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศ พ.ศ... ฉบับที่ผ่านการแก้ไขของวุฒิสภา เนื่องจากมีการแก้ไขสาระสำคัญค่อนข้างมาก จากนั้นจะเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วม 2 สภาเพื่อปรับแก้เนื้อหาในร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน และจะขอให้ประธานสภาเลื่อนวาระการพิจารณา พ.ร.บ.กู้เงินมาเป็นวาระแรก นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า ทั้ง ส.ว.และฝ่ายค้านจะหยิบยกความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในกระทรวงต่างๆ ในขณะนี้ ขึ้นมาอภิปรายด้วย นายกฯจึงฝากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลชี้แจงให้พร้อม


ทั้งนี้ ในชั้นวุฒิสภา  มีการแก้สาระสำคัญของ พ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท จากร่างเดิมที่ให้รัฐบาลเสนอเฉพาะโครงการให้รัฐสภารับทราบ ไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่ปรากฏว่าทางวุฒิสภาแก้ไขให้ต้องเสนอรายละเอียดแต่ละโครงการให้รัฐสภาเห็นชอบก่อน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์