ครม.ตีกลับรถเมล์-ยื้อเวลา?


การประชุมครม.เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีมติสั่งทบทวนโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ที่เสนอโดยกระทรวงคมนาคมในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย

โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตั้งกรรมการศึกษาถึงความคุ้มค่าระหว่าง"เช่า"กับ"ซื้อ" ภายใต้กรอบเวลา 1 เดือน ก่อนนำข้อสรุปเข้าครม.อีกครั้ง

เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาทันทีว่า มติดังกล่าวเป็นการยื้อเวลา หลังจากครม.ตีกลับโครงการนี้แล้วถึง 2 ครั้ง

มีคำชี้แจงจากรัฐมนตรีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงท่าทีจากแกนนำพรรคภูมิใจไทยต่อมติครั้งล่าสุด ดังนี้

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นายกรัฐมนตรี


สัปดาห์ที่แล้วครม.ขอให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ไปดูเรื่องการลดค่าใช้จ่าย สามารถปรับลดดอกเบี้ยประมาณ 5 พันล้านบาท จาก 69,000 ล้านบาท เหลือ 64,000 ล้านบาท รมว.คมนาคมระบุว่าคงลดลงมากกว่านี้ยาก

เมื่อตัวเลขมาหยุดที่ 64,000 ล้านบาท มีคนตั้งข้อสงสัยว่าหากซื้อแล้วจะถูกกว่านี้หรือไม่ ประเด็นขณะนี้คงตอบยาก เพราะสมมติฐานที่คนเอามาเทียบเคียงผ่านสื่อจะมีข้อโต้แย้งทั้ง 2 ฝ่าย

เช่น ถ้าซื้อเฉพาะค่ารถ ตัวเลขอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าล้านบาทต้นๆ แต่ต้องมาถกเถียงกันว่าการซ่อมที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน จะทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ ยังมีประเด็นที่เกี่ยวกับการกู้เงินหรือหาแหล่งเงินมาซื้อ และมีต้นทุนด้านการเงินต่างๆ อีก

ที่ประชุมจึงเห็นว่าเพื่อให้สังคมมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ใช้เวลา 1 เดือน สรุปออกมาให้ชัดว่าเรื่องการซื้อหรือการเช่า อะไรคุ้มค่ากว่ากัน

แต่นโยบายรัฐบาลคือขสมก.ต้องปรับเปลี่ยนเรื่องการบริหารครั้งใหญ่ ต้องมีรถใหม่เข้ามาวิ่ง ใช้เชื้อเพลิงสะอาด ระบบตั๋วทันสมัย ลดการรั่วไหลได้ และเป็นเส้นทางที่วิ่งแล้วสอดคล้องกับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในกทม. ส่วนรถที่วิ่งจะเป็นรถซื้อหรือเช่านั้นอีก 1 เดือนได้ข้อสรุป

การไม่อนุมัติโครงการครั้งนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมหรือไม่

ในที่ประชุมครม.หลังจากสรุปอย่างนี้ ไม่มีท่านใดโต้แย้ง รมว.คมนาคมก็ไม่ติดใจ บอกแต่ว่าพยายามดูแล้ว มั่นใจว่าการเช่าถูกกว่า แต่ถ้าจะให้สังคมมั่นใจก็ไม่ติดใจ

ข้อสรุปของคณะกรรมการสศช. ถือเป็นข้อสิ้นสุดหรือไม่

ควรเป็นอย่างนั้น เมื่อได้ข้อสรุปแล้วต้องรายงานครม. รัฐบาลยืนบนหลักการที่ว่าปัญหาการขาดทุนของขสมก.เกิดจาก 1.สภาพรถ 2.ค่าใช้จ่ายต่างๆ 3.การรั่วไหลที่เกิดขึ้นได้ทั้งค่าซ่อมและการเก็บตั๋ว เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาตลอด

การให้เวลา 1 เดือนนานไปหรือไม่

ไม่นานและไม่สั้นเกินไป ผมถามนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสศช. ว่า 1 เดือนพอหรือไม่ นายอำพนบอกว่าพอ ถามกระทรวงคมนาคมว่า 1 เดือนนานไปหรือไม่ กระทรวงบอกว่าไม่นาน ส่วนเรื่องจำนวนรถเมล์ยังคงอยู่ที่ 4,000 คัน

การเสนอทุกโครงการเข้าครม.มีความเห็นของสศช.มาตลอด เหตุใดต้องให้ไปดูอีก

สศช.ที่เคยให้ความเห็นในแต่ละครั้ง ไม่ชี้ในประเด็นการเช่าหรือซื้อ เป็นการให้ความเห็นในเรื่องตัวเลขต่างๆ

มติเช่นนี้กระทรวงคมนาคมยอมรับได้หรือไม่

ยอมรับครับ


การให้ทบทวนโครงการเพราะรัฐบาลเป็นห่วงกระแสสังคมที่ต่อต้านหรือไม่

ผมไม่ใช้คำว่ากระแสสังคมต่อต้าน ผมฟังความคิดเห็นและข้อทักท้วง การทำงานของรัฐบาลต้องฟังทุกฝ่ายในสังคม

การตีกลับโครงการจะไม่กระทบต่อการพิจารณาร่างกฎหมายการเงินในสมัยประชุมวิสามัญนี้ใช่หรือไม่

ผมไม่เห็นเหตุผลดังกล่าว ในเมื่ออภิปรายกันอย่างกว้างขวางและมีข้อยุติออกมาโดยไม่มีใครโต้แย้ง

กรณีกลุ่ม 40 ส.ว.ขู่คว่ำพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท

ไม่ทราบ แต่อยากให้เรื่องต่างๆ ที่เข้าสภาได้พิจารณาไปในเรื่องนั้นๆ

ที่ยืดเวลาพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ไป 1 เดือน เพื่อรอให้พ.ร.ก.กู้เงินผ่านการพิจารณาในสมัยวิสามัญก่อนหรือไม่

ไม่เกี่ยวกัน กฎหมายงบประมาณและกฎหมายกู้เงินอย่างไรก็ยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้ว

ไม่ได้คิดผูกโยงกันล่วงหน้าใช่หรือไม่

ไม่เคยคิด

ชวรัตน์ ชาญวีรกูล

รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย


มติแบบนี้รับได้ ไม่ถือว่าเสียหน้า เมื่อตีกลับก็ต้องเอาไปศึกษา ถือเป็นการถอยคนละครึ่งก้าวและต้องนำกลับไปศึกษาใหม่ไม่เกิน 1 เดือน เพราะเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินเยอะ จึงต้องเน้นในรายละเอียด เดี๋ยวนายกฯ จะตอบประชาชนไม่ได้ แต่หากนำเรื่องเข้าครม.ครั้งต่อไป ทุกอย่างก็จบแล้ว

บรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายชื่นมื่น มีรัฐมนตรีบางคนสอบถามบ้างว่าทำไมถึงใช้วิธีการเช่า ทำไมไม่ซื้อ แต่ก็ถือว่าเป็นบรรยากาศที่น่าพอใจ

มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ซื้อเวลาหรือไม่

ไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น นายกฯ ต้องการชี้แจงต่อสังคมให้ทราบในรายละเอียด เพราะต้องรับผิดชอบด้วย กระแสสังคมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ล่าช้า จึงต้องละเอียด การทำงานให้สาธารณชนก็ต้องเป็นแบบนี้

การที่ครม.ตีกลับ ไม่มีผลกระทบต่อสัมพันธภาพระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ยังรักกันดีและรักยิ่งกว่าเดิมด้วย

สุเทพ เทือกสุบรรณ

รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์


ครม.แสดงความคิดกันหลากหลาย ในที่สุดเห็นว่ายังมีโจทย์อยู่ข้อหนึ่งที่คนในสังคมตั้งข้อสงสัยว่าระหว่างเช่ากับซื้ออันไหนจะคุ้มกว่ากัน หรือจะถูกแพงกว่ากัน นายกฯ จึงให้สภาพัฒน์ไปศึกษาตัวเลขการจัดซื้อ

ฉะนั้นเรื่องของกระทรวงคมนาคมยังถือว่าอยู่ในการพิจารณาอยู่ เพียงแต่รอตัวเลขของสภาพัฒน์มาเปรียบเทียบให้ครม.ตัดสินใจ ไม่ใช่เรื่องการซื้อเวลาอะไรทั้งสิ้น

เสียงในครม.ส่วนใหญ่มองว่าวิธีไหนคุ้มค่ากว่ากัน ระหว่างเช่ากับซื้อ

ได้ข้อสรุปว่า คนกรุงเทพฯ อยากได้รถเมล์ใหม่ที่ประหยัดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นรถเมล์ที่จะใช้แก๊สเป็นความต้องการ และจะปล่อยให้ขสมก.เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ต้องช่วยแก้ปัญหา แต่อยู่ที่ว่ามีวิธีอื่นหรือไม่นอกจาก 2 วิธีนี้

ครม.จึงช่วยกันคิดและมีความเห็นทางเดียวกันว่า ต้องดูตัวเลขให้ถูกต้องและนำมาเปรียบเทียบให้ได้ ก่อนตัดสินใจต้องรอบคอบ ชัดเจน และอธิบายได้

รมว.คมนาคมและรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยเข้าใจหรือไม่

ทุกคนเข้าใจเหมือนที่ผมพูด รมว.คมนาคมยังพูดในที่ประชุมว่าวันนี้ถ้าเอาตามเรื่องที่กระทรวงคมนาคมเสนอมา ครม.เห็นด้วยก็มีปัญหา ไม่เห็นด้วยก็มีปัญหาเพราะยังมีข้อสงสัย

ฉะนั้นรมว.คมนาคมเห็นด้วยที่จะนำตัวเลขที่ชัดเจนมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้ครม.มีเหตุผลในการตัดสินใจที่สมบูรณ์ ท่านยังย้ำว่าเราต้องรอบคอบ

มีข่าวว่านายโสภณเสียความรู้สึก ต้องคุยกันอีกรอบหรือไม่

ไม่มี เรื่องนี้ในที่ประชุมครม.อภิปรายกันนาน

แสดงว่าเมื่อถึงเวลา 1 เดือนเรื่องนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่นำมาคุยกันในที่ประชุมครม.ใช่หรือไม่

มาคาดคั้นอย่างนั้นได้หรือ แต่อีก 1 เดือนครม.จะพิจารณาเรื่องนี้แน่นอน

ในอีก 1 เดือนอาจยืดเวลาออกไปอีก

ไม่ๆ นั่นก็พูดไปอีกแบบ พูดแบบนี้ก็ให้ผมมีเรื่องนะสิ

แสดงว่ารถเมล์ 4,000 คันมีแน่แต่จะเช่าหรือซื้อใช่หรือไม่

ครม.ต้องตัดสินใจแน่นอนที่จะแก้ปัญหาขสมก. ให้คนกรุงเทพฯ มีรถเมล์ใหม่ที่ถูกและไม่ทำลายสภาพแวดล้อมและประหยัด ที่ประชุมครม.ไม่ได้ตั้งข้อสังเกตหรือพูดเรื่องการทุจริต ไม่มีใครติดใจสงสัย

เรื่องนี้อย่าพูดคำว่ายับยั้งเพราะรุนแรงไป และไม่ได้เป็นการชะลอ แต่ครม.ต้องการตัวเลขที่ชัดเจนว่าระหว่างซื้อกับเช่า อย่างไหนคุ้มค่าเป็นประโยชน์กว่ากัน

โสภณ ซารัมย์

รมว.คมนาคม


ไม่นึกว่าครม.มีมติแนวทางนี้ แต่ถือว่าได้รับการอนุมัติมาครึ่งหนึ่งก็พอใจ มีเหตุผลพอรับฟังได้ ครม.ใหญ่กว่ากระทรวงคมนาคม ยินดีรับฟัง การประชุมผมสามารถอธิบายรายละเอียดได้ กระทรวงยังเห็นว่าแนวทางการเช่าดีกว่าสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน

การที่โครงการล่าช้าออกไปอีก 1 เดือน จะส่งผลให้ภาคราชการ ขสมก. ประชาชน เสียผลประโยชน์ ความล่าช้า 1 วันทำให้ขสมก.ขาดทุนต่อไปอีกวันละ 16 ล้านบาท

ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยและผมถูกกระแสสังคมตราหน้าไปแล้วว่าดำเนินโครงการนี้ไม่โปร่งใส จากนี้ผมจึงต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมต่อไป

รู้สึกอย่างไรที่โครงการไม่ผ่านถึง 2 ครั้ง

ยอมรับว่าเสียความรู้สึก เพราะทำให้โครงการล่าช้า แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การซื้อเวลา

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์