คนมีอำนาจอย่าทำให้ ในหลวงไม่สบายพระทัย

มติชน

บทนำมติชน

ตลอด 5 วันนับแต่วันที่ 9-13 มิถุนายนที่มีพระราชพิธีเฉลิมฉลองในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และประเทศไทยได้ถวายการต้อนรับราชอาคันตุกะผู้เป็นประมุขและพระราชวงศ์จาก 25 ประเทศ ได้นำมาซึ่งความปลื้มปีติและความอิ่มเอมใจแก่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าที่จะต้องจดจำอย่างมิรู้ลืมไปตลอดชีวิต

พระเกียรติยศและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นมีมากมายไม่สามารถจะรวบรวมได้ครบถ้วนทั้งหมด และความจงรักภักดีของพสกนิการชาวไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์อย่างยาวนานถึง 6 ทศวรรษได้เกริกก้องเกรียงไกรไปทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศทุกสำนัก นิตยสารต่างประเทศโดยเฉพาะนิตยสารไทม์เล่มล่าสุดได้นำเสนอบทความเทิดพระเกียรติ สดุดีในพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระราชดำรัสถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ดารุสซาลาม ในนามพระประมุขและผู้แทนพระองค์ทั้ง 25 ประเทศ ในวโรกาสงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่พระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีต่างประเทศ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เมื่อค่ำวันที่ 13 มิถุนายน ตอนหนึ่งว่า "...ฝ่าพระบาททรงอยู่เคียงข้างพสกนิกรของพระองค์และทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนชาวไทยตลอดมา... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมแห่งแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนของพระองค์ ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านวิชาการ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่การที่ทรงเป็นแบบอย่างที่เรียบง่ายของการเป็นพ่อผู้มีแต่ความรักและเสียสละเพื่อลูก..."

คำสดุดีนี้มีความหมายอยู่ในตัวเอง และนี่คือคำตอบว่าทำไมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทย เป็นที่รัก เป็นที่เทิดทูน และเป็นที่เคารพสักการะอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายแม้กาลเวลาจะล่วงผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม พสกนิกรชาวไทยจึงภูมิใจที่เกิดมาภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์

ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้ มีความมั่นคง มีความสงบเรียบร้อยถ้าหากคนไทย 60 กว่าล้านคนมีความปรองดอง ไม่แตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย ผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ องค์กรอิสระหรือใครก็ตาม ตระหนักในหน้าที่ของตนแล้วปฏิบัติไปตามแนวพระราชดำริ อีกทั้งไม่บิดพลิ้ว เบี่ยงเบน เฉไฉไปจากถ้อยคำที่ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ บ้านเมืองยุ่งเหยิง สับสนแทบจะเกิดจลาจลดังปรากฏเป็นข่าวแพร่หลายไปทั่วโลกก่อนหน้านี้ก็ด้วยเหตุที่ผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนไม่ยอมรับในความบกพร่อง ผิดพลาดของตน ไม่เคารพในกติกาแห่งการตรวจสอบ

ในห้วงเวลาของการจัดงานเฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นักการเมืองได้ยุติการพูดจาตอบโต้กันไปมาที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความเห็นไม่ตรงกันและไม่สามารถพึ่งระบบและองค์กรต่างๆ ได้ แต่เมื่อการจัดงานผ่านพ้นไปก็มีแนวโน้มว่า ปัญหาความวุ่นวายจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง ทำให้หลายฝ่ายอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า วิกฤตการณ์การเมืองอันเนื่องมาจากการชุมนุมประท้วง การขับไล่ การสนับสนุนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางคนจะเกิดขึ้นอีกเป็นรอบหนึ่ง

กล่าวสำหรับนักการเมืองที่อยู่ในตำแหน่งและมีอำนาจปกครองบ้านเมือง รวมทั้งองค์กรอิสระบางองค์กร ขณะที่ปากพูดว่า "รักในหลวง" และน้อมรับพระราชดำรัสใส่เกล้าฯเพื่อนำไปสู่การปฏิบัตินั้น ควรจะให้การกระทำสอดคล้องกับสิ่งที่พูด ที่แล้วมาวิกฤตการณ์เกิดขึ้นเพราะแต่ละคนรักตัวเอง ห่วงตัวเองมากกว่าห่วงประเทศชาติและประชาชน บ้านเมืองจะตกต่ำย่ำแย่แค่ไหนไม่ได้สนใจ ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่สบายพระราชหฤทัย

บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจและปกครองบ้านเมืองจะได้รู้จักคำว่าเสียสละ ความซื่อสัตย์สุจริต การรู้รักสามัคคีซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสอยู่บ่อยครั้ง หยุดการดื้อดึงดันทุรัง ปฏิบัติได้ดังนี้นอกจากจะเป็นมงคลกับตนเองสมกับการเป็นผู้รักในหลวงอย่างแท้จริงแล้ว ยังช่วยให้ประเทศชาติฟื้นจากวิกฤตนำความรักความสามัคคีกลับมาสู่ประชาชนคนไทย ขณะเดียวกันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะได้พระราชหฤทัยที่เบิกบาน ไม่เป็นทุกข์กับปัญหาต่างๆ สมกับที่ปวงชนชาวไทยร่วมกันถวายพระพร "ทรงพระเจริญ"

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์