คตส.เจอแล้วที่อยู่ทักษิณ-พจมานในอังกฤษ-จีน

คตส.เตรียมส่งที่อยู่พ.ต.ท.ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน ในอังกฤษ-จีน ให้อัยการสูงสุด 5 ก. ค.นี้

เตรียมแผนสำรอง ร่อนหนังสือถึงปลัดกทม. กำชับ ผอ.เขต “ดุสิต-บางพลัด” เป็นพยานในชั้นศาล ยันทั้งคู่ไม่เคยแจ้งย้ายออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างนายอุดม เฟื่องฟุ้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)

ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีซื้อขายที่ดินย่านรัชดา กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  กับ นายเสกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อติดตามที่อยู่จริงของทั้งคู่ หลังจากครบกำหนดในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ในการประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอที่อยู่จริง


ภายหลังการหารือร่วม นายอุดมเปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ

ได้แจ้งข้อมูลมายัง คตส.เกี่ยวกับที่อยู่ที่แน่นอนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ของคดีนี้แล้ว โดยพบว่าพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษ และประเทศจีน นอกจากนี้กระทรวงต่างประเทศ ยังได้รายงานว่าอยู่ในระหว่างการติดตามหาที่อยู่ในประเทศอื่นๆ อีก เช่น สิงคโปร์ อาร์เจนตินา ซึ่งจะมีการติดตามตรวจสอบต่อไป


ส่วนสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สามารถระบุได้เฉพาะการเดินการทางเข้าออกต่างประเทศ ของบุคคลทั้งสองเท่านั้น

ไม่ได้มีการะบุที่อยู่จริง ดังนั้นในวันที่ 5 ก.ค.นี้ ตนจะได้ลงนามทำหนังสือ เพื่อระบุที่อยู่จริงของทั้งสองคน ส่งให้ศาลฎีกา พร้อมทั้งจัดส่งรายละเอียดกรณีที่ทั้งคู่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องในคดีต่างๆ ที่ได้มีการระบุที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรประกอบ โดยที่ไม่มีการแจ้งหรือย้ายที่อยู่แต่อย่างใด

นายอุดม กล่าวว่า นอกจากนี้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ติดต่อให้ คตส ประสานงานกับผู้อำนวยการเขตดุสิต และ เขตบางพลัด

เพื่อขอให้ไปยืนยันในชั้นศาลว่า จำเลยทั้งสองไม่มีการแจ้งย้ายออกจากทะเบียนบ้าน พร้อมกันนี้จะทำหนังสือถึงปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทำหนังสือแจ้งผู้อำนวยการเขตทั้ง 2 เขต ให้ความร่วมมือกับอัยการสูงสุดและคตส. และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งในการหารือร่วม ยังได้วางแนวคิดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถึงรายละเอียดต่างๆ ในการดำเนินคดีด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์