คตส.ชี้มูลเชือดโอ๊ด-เอมวันนี้ พีทีวีเปิดม็อบสนามหลวง8เม.ย.

คตส.ชี้มูลเชือด"โอ๊ด-เอม"วันนี้ พีทีวีเปิดม็อบสนามหลวง8เม.ย.


ม็อบพีทีวียึดสนามหลวงเปิดเวทีนัดหน้า 8 เม.ย. ด้านกลุ่มฅนวันเสาร์แจงฎีกาปลด"ป๋าเปรม"เปล่ากดดันการใช้พระราชอำนาจคุยคนเข้าชื่อกว่าหมื่นคน คตส.ชี้มูล "โอ๊ค-เอม" วันนี้ ขายหุ้นมิชอบด้วย ก.ม.



นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวว่า


นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี กล่าวว่า หลังจากได้จัดเวทีพบประชาชนแล้ว 2 ครั้ง ขณะนี้ได้รับฟังเสียงจากประชาชนที่สนับสนุนเรียกร้องให้มีการจัดเวทีต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาการจัดเวทีจะไม่ได้รับความสะดวกมากนักก็ตาม ผู้บริหารพีทีวีได้มีมติที่จะจัดเวทีครั้งที่ 3 วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน ที่ท้องสนามหลวง เวลา 16.00 น.เริ่มจากการแสดงดนตรี หลังจากนั้นจะเริ่มปราศรัยเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป และจะยุติการปราศรัยเวลา 22.00-23.00 น.

โดยการจัดเวทีพบประชาชนดังกล่าว ทางผู้บริหารได้ประสานขอแบ่งใช้พื้นที่กับกลุ่มพิราบขาว 2006 กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย และกลุ่มอื่นๆ รวม 12 ราย ที่ประกาศยึดพื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อจัดเวทีปราศรัยตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน เป็นต้นไป

นายวีระ กล่าวว่า ขอให้ไว้วางใจตรงนี้ว่าจะไม่มีการสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง แต่จะพูดด้วยเหตุด้วยผล เพื่อให้ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองได้แก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน


นายจตุพรเป็นผู้นำการเข้าชื่อถอดถอนพล.อ.เปรม


นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี กล่าวถึงการเชื่อมโยงว่า นายจตุพรเป็นผู้นำการเข้าชื่อถอดถอนพล.อ.เปรม ว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ได้มีการใช้วิชามารด้วยการลงข่าวในเวบไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ขึ้นหัวข่าวว่า "แผนชั่ว ชนฟ้า ล่ารายชื่อปลดป๋า ถล่มประธานคมช." ซึ่งข่าวในเวบไซต์ระบุว่า ตนลงรายชื่อไว้ในลำดับที่ 2,467 แล้วต่อมาได้มีการลบรายชื่อออก

ทั้งนี้ขอปฏิเสธว่า ไม่ได้เข้าชื่อใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่ผ่านมาเวบไซต์ผู้จัดการกลับเอาหลักฐานว่า มีช่องว่างระหว่างรายชื่อลำดับที่ 2,466 และ 2,468 ซึ่งลำดับที่ 2,467 เป็นชื่อของตน ดังนั้น จะมอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับเวบไซต์ผู้จัดการ ข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ซึ่งกล่าวในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า "ในกลุ่มพวกของนายจตุพรมีคนคนหนึ่งเป็นคนไทย ชื่อนายอเนก มาจากอเมริกา ถือพาสปอร์ตใช้ชื่อว่า แอนดี้ ที่เคยเป็นทหารรับจ้าง และเคยพูดออกรายการโทรทัศน์ไอทีวีที่อเมริกา พูดจาจาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจน และเร็วๆ นี้จะนำหลักฐานเกี่ยวกับนายอเนกมาเปิดเผยว่า อยู่ในกลุ่มของนายจตุพร"


นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดี


กับ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาเดียวกันด้วย จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์โดยนายอลงกรณ์ ไม่ได้ฟังการปราศรัยเวทีพีทีวี แต่ออกมาพูดโดยไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียดว่า พีทีวีเป็นผู้นำรวบรายชื่อถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม

ด้านนายนพพร นามเชียงใต้ แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กล่าวถึงการเป็นผู้นำรวบรวมรายชื่อถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม ว่า อยากชี้แจงว่าการเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงละเมิดในพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งไม่ได้ต้องการขัดแย้งกับบุคคล หรือกลุ่มใด เพียงแต่เห็นว่า การกระทำของ พล.อ.เปรม อาจเข้าข่ายไม่เป็นกลางทางการเมืองที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 14 และ 15 ได้

นายนพพร กล่าวว่า กลุ่มคนวันเสาร์ฯ ไม่ได้มีเจตนา หรือประสงค์ที่จะถวายฎีกาเพื่อกดดันการใช้พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่อย่างใด เพราะการทรงเลือกและทรงแต่งตั้ง หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งเป็นพระราชอำนาจโดยตรง ที่ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยอยู่แล้ว เพียงแต่การริเริ่มรวบรวมรายชื่อถวายฎีกา เป็นช่องทางการนำเสนอหลักฐานเท่านั้น และขณะนี้มีประชาชนร่วมลงชื่อแล้วไม่น้อยกว่า 1 หมื่นรายชื่อ

ซึ่งจะรวบรวมให้ได้ถึง 1 แสนรายชื่อ โดยในวันที่ 5 เมษายนนี้ เวลาประมาณ 10.00 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ตนจะจัดแถลงข่าวความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่ออีกครั้ง อย่างไรก็ดี สำหรับการจัดเวทีปราศรัยของกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่มพิราบขาว 2006 และกลุ่มอื่นๆ นั้นยังจะมีขึ้นในวันที่ 5 เมษายนนี้อย่างแน่นอน


นายนาม ยิ้มแย้ม กล่าวว่า


ทางด้านนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า ที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันจันทร์ที่ 2 เมษายนนี้ จะนำเรื่องการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทแอมเพิลริชฯ กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซึ่งคาดว่า คตส.จะพุ่งเป้าชี้มูลความผิดไปยังนายพานทอง และ น.ส.พิณทองทา เพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนจะชี้มูลความผิดบุคคลอื่นเพิ่มหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ

ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะพิจารณาว่า ทั้งสองคนมีความผิดจริงหรือไม่ หากข้อเท็จจริงยุติว่า มีความผิดจริง หรือเข้าข่ายเอาหุ้นบริษัทแอมเพิลริชฯ ไปขายให้บริษัทเทมาเซคจริง ซึ่งตามหลักกฎหมายถือว่า นำหุ้นไปขายโดยมิชอบ ก็จะต้องปรับตัวบทกฎหมาย

นายนาม กล่าวอีกว่า คิดว่าถ้าหากมีความผิดจริง น่าจะผิดกฎหมายของกรมสรรพากร มาตรา 37 ของกฎหมายรัษฎากร ที่ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้ว หรือจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือให้ข้อความเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามลักษณะนี้ หรือโดยความเท็จ ฉ้อโกง หรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกับการเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2 พันบาท ถึง 2 แสนบาท


ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์