คตส.ขีดเส้น แก๊งอ้อ แจงข้อกล่าวหา! ลั่น โอ๊ค-เอม เบี้ยวเจอคุก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 ธันวาคม 2549 19:04 น.

อนุฯไต่สวนหุ้นชิน ขีดเส้น บรรณพจน์-หญิงอ้อ แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน เผย 6 รายชื่อร่วมเอี่ยวซุกหุ้น คตส.งัด กม.ป.ป.ช.ขู่ โอ๊ค-เอม เมินแจงอนุฯหุ้นชิน เจอคุกแน่ ขณะที่ทนายชินวัตร ดื้อแพ่ง อ้างชั้นศาลแล้วค่อยเจอกัน ปากกล้าจวก คตส.มั่วนิ่ม

วันนี้ (20 ธ.ค.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนความผิดทางอาญาของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คดีเลี่ยงภาษีโอนหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าคณะกรรมการไต่สวนจะประชุมเพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาออกหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาชี้แจง ซึ่งเป็นกระบวนการต่อเนื่อง หลังจากที่คณะกรรมการ คตส.ชุดใหญ่ยกคำร้องของทนายความครอบครัวชินวัตร ซึ่งได้ยื่นคัดค้านตนเองและนายกล้านรงค์ จันทิก เป็นอนุกรรมการไต่สวน

ภายหลังการประชุม นายสัก เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเรียก นายบรรณพจน์ และพวกมารับฟังข้อกล่าวหาและชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หลังจากพ้นกรอบเวลาการให้ยื่นคัดค้านอนุกรรมการไต่สวน คือ เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ของอนุกรรมการไต่สวนอยู่ระหว่างการพิจารณาวันเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งโดยอาจจะเรียกมาชี้แจงข้อกล่าวหาก่อนสิ้นปี หรือต้นเดือน ม.ค.2550 ซึ่งได้มีการนัดประชุมเพื่อกำหนดวันที่ชัดเจนอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.นี้เพื่อให้ทั้งอนุกรรมการไต่สวน และผู้ถูกกล่าวหาได้มีเวลาเตรียมตัวหาข้อมูล

หลังจากที่อนุกรรมการไต่สวนได้มีมติเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คนมาฟังข้อกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาสามารถจะมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือส่งเป็นเอกสารมาชี้แจงก็ได้แต่หากอนุกรรมการไต่สวน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงด้วยตนเองอีกครั้งโดยผู้กล่าวหามีสิทธิที่จะนำทนาย หรือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังข้อกล่าวหาได้ด้วย

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ทางคณะอนุกรรมการไต่สวนจะออกหนังสือเรียกมาชี้แจงและเปิดโอกาสให้สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้นั้นมี 6 ราย ประกอบด้วย นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ , คุณหญิงพจมาน ชินวัตร , นางสาวดวงตา วงศ์ภักดี , นางกาญจนาภา หงษ์เหิน , นายวันชัย หงษ์เหิน และ นางสาวปราณีเวช พฤกษ์พิทักษ์

นายสัก ในฐานะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตร คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ทนายความประจำตระกูลชินวัตร ระบุว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร จะส่งเอกสารชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการฯแทนการเข้าชี้แจงด้วยตัวเองในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ว่า การที่อนุกรรมการฯส่งหนังสือเรียกบุคคลชี้แจงก็หมายความว่าบุคคลที่ถูกเรียกควรจะต้องมาชี้แจง

นายสัก กล่าวว่า เรื่องนี้บอกได้แค่ว่ามีระเบียบ และบทลงโทษกำกับอยู่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระเบียบคตส.ข้อที่ 14 ที่พูดถึงอำนาจคณะอนุกรรมการตรวจสอบและคณะอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งใน (7) ระบุว่า ให้มีอำนาจตามมาตรา 25 (1),(2),(3) หรือมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งทั้งสองมาตราใน พ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่ามีให้มีอำนาจในการมีคำสั่งให้ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ปฏิบัติการทั้งหลายอันจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป.ป.ช.หรือเรียกเอกสารหรือ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดหรือบุคคลใดมาให้ถ้อยคำเพื่อประโยชน์แห่งการไต่สวนข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ในมาตรา 118 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช.ได้บัญญัติโทษถึงผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการป.ป.ช.ตามมาตรา 25 เอาไว้ว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เท่าที่ประสานกับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร พบว่า ทั้งสองยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก คตส.ที่เรียกให้มาชี้แจงในวันที่ 27 ธ.ค.กรณีการซื้อขายหุ้นชิน คอร์ป จากบริษัท แอมเพิลริช แต่ถ้ามีการส่งหนังสือมาคงต้องดูที่ความเหมาะสมอีกครั้งว่าทั้งสองคนควรจะไปชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ถึงแม้ในระเบียบคตส.และพ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 จะบังคับก็ตามแต่ในเบื้องต้นยืนยันได้ว่าจะชี้แจงเป็นเอกสารไปเท่านั้น

แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นพยานคนที่ 1 ที่บังคับให้มาชี้แจงแต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังอนุโลมให้ไม่ต้องมาชี้แจงด้วยตัวเองแต่สามารถส่งมาเป็นเอกสารได้ ซึ่งเราอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมต่อ คตส.ให้นำกรณีศาลรัฐธรรมนูญมาดูเป็นบรรทัดฐานด้วย เพราะอย่าลืมว่า คตส.เป็นเพียงแค่ตำรวจที่ทำการสอบสวนในชั้นต้นและหนำซ้ำยังมาจากอำนาจรัฐประหาร ดังนั้น จึงขอให้ คตส.ทำงานอย่างเป็นกลางและคำนึงถึงสิทธิของผู้ที่ถูกตรวจสอบด้วย

ยอมรับเมื่อคดีถึงชั้นศาล และมีการเรียกให้ทั้งสองคนไปให้ปากคำถึงเวลานั้นทั้งสองคนคงจะต้องให้การในชั้นศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ในชั้นของ คตส.คงจะไม่ไปชี้แจงด้วยตัวเองเพราะมองว่าการทำงานของคตส.มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอาจทำให้มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อครอบครัวชินวัตรได้ ทนายประจำตระกูลชินวัตร กล่าว

แต่ขอใช้สิทธิชี้แจงเป็นเอกสาร แต่คณะอนุกรรมการฯ มีสิทธิที่จะยืนยันว่าจุดประสงค์ของอนุกรรมการฯ คือ ต้องการฟังคำชี้แจงจากทั้งสองบุคคลโดยตรงทำให้อนุกรรมการมีสิทธิใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ในการเรียกทั้งสองบุคคลมาชี้แจงได้