ขีดเส้น7วันแกนนำพธม.รับทราบข้อหา


ตร.ออกหมายเรียกแกนนำ พธม.รับทราบข้อหา 22 ก.พ. ให้เวลา 7 วัน หากต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา


วันนี้  15 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง ในพื้นที่ห้ามชุมนุม ว่า เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจพยายามเร่งเจรจาให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง โดยมอบหมาย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ปะไพ ผบก.น.1 เป็นผู้ไปเจรจา ส่วนกรณีขอเข้าตรวจค้นในพื้นที่การชุมนุม ขณะนี้ตำรวจเตรียมประชุมหารือกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตกลงว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับหมายเรียกแกนนำที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ และเวทีกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนรายงานว่า มี 10 คน  โดยหมายเรียกจะส่งไปยังภูมิเนาเกิด
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจเรื่องการจราจรหรือไม่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็หนักใจ เนื่องจากมีการเจรจาหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล โดยหลังจากออกหมายเรียกแล้ว ตำรวจจะดูว่ากลุ่มแกนนำที่จะมาพบมีท่าที่อย่างไร แต่ทางตำรวจไม่ลดความพยายามในการทำงาน อีกทั้ง มีกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นมาชุมนุมในพื้นที่ กทม.หลายกลุ่มด้วย ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมลูกจ้างบริษัทมาร้องความเป็นธรรม พยายามจะเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล ทางตำรวจก็ไม่อนุญาตให้เข้า
 
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวว่า หลังจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พยายามใช้การเจรจา เพื่อต้องการให้เปิดพื้นผิวการจราจร และเมื่อเจรจาไม่เป็นผล จึงต้องเป็นขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งความผิดที่ชัดเจนในขณะนี้ คือ มาตรา 18 ห้ามเข้าพื้นที่ หรือออกจากเขตความผิดตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่งคงภายในราชอาณาจักร พุทธศักราช 2551 ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำ และปรับ ทาง ศอ.รส.ได้ประกาศไว้ว่าพื้นที่การชุมนุมดังกล่าว เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง ตำรวจจึงจำเป็นต้องออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในเบื้องต้นวันนี้ ประมาณ 10 คน ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยให้มารับทราบกล่าวหาที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจนครบาล (บก.น.1) ในวันที่ 22 ก.พ. ให้เวลา 7 วัน หากต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาก่อนได้ หลังออหมายเรียกแล้วยังไม่มา ก็ต้องดูว่ามีเหตุผลอันสมควรหรือไม่ ก็ต้องดูตามเหตุผลต่อไป.




เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์