ขรก.มท.บ่นอุบน้อยใจถูกเด้ง ! โกวิท เมินเสียง วิจารณ์ อธิบดีกรมพัฒนาชุมชนยื่นลาพักร้อนทำใจไม่ได้

"โกวิท" ไม่สนเสียงวิจารณ์ย้ายบิ๊ก มท. อธิบดีกรมพัฒนาชุมชนยื่นลาพักร้อน 5 วัน ทำใจไม่ได้ถูกลดชั้นเป็นผู้ว่าฯปทุมธานี พ่อเมืองเพชรบุรีน้อยใจโดนเด้งไปสตูล ซัดไม่มีเหตุผล แว่วข่าวชาวบ้านจะเข้าชื่อร้องให้ทบทวนคำสั่ง

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ระดับ 10 จำนวน 62 ตำแหน่ง ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการวางตัวข้าราชการเพื่อเตรียมการเลือกตั้งว่า การแต่งตั้งได้จบสิ้นไปแล้ว ครม.มีมติให้ความเห็นชอบอย่างถูกต้องแล้ว แต่การแต่งตั้งโยกย้ายยังจะไม่มีผลหากยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม คงห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เพราะไม่สามารถทำได้ถูกใจคนทั้งหมด
ด้านนายรังสรรค์ เพียรอดวงษ์ ผู้ว่าราชการมหาสารคราม ที่ถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่เป็นไร เมื่อเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาก็พร้อมที่จะทำตาม ไม่ซีเรียสเพราะเตรียมใจไว้แล้ว เพราะรู้มาก่อนและมีคนมาบอกให้ไปวิ่งเต้นเพื่อให้ได้อยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ตนบอกว่าไม่เป็นไร ให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ได้ ดีด้วยซ้ำจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย

"ผมไม่ได้ยึดติด ผมไม่เสียใจเหมือนคนอื่น มีคนมาถามเยอะ เพราะเขาเป็นห่วง บางคนเขาก็กลัวว่าผมจะไปลง ส.ส. ผมก็บอกไปว่าจะไปลงได้อย่างไร รัฐบาลเขายังไม่ยุบสภาเลย แล้วอีกอย่างปีหน้าผมก็เกษียณอายุราชการแล้ว เอาไว้เกษียณแล้วค่อยมาว่ากันอีกที" นายรังสรรค์กล่าว

นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ซึ่งถือเป็นจังหวัดเล็กและถูกมองว่าเป็นจังหวัดเริ่มต้นของรองผู้ว่าฯที่จะขึ้นเป็นผู้ว่าฯใหม่ กล่าวว่า พร้อมที่จะไปทำงานที่ จ.สตูล โดยเชื่อว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำประโยชน์ได้ แต่ก็น้อยใจกระทรวงมหาดไทยเหมือนกัน เพราะที่ จ.เพชรบุรี ถือเป็นจังหวัดใหญ่พอสมควร และตนอยู่ที่นี่มา 2 ปี ทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานมาโดยตลอด และประชาชนในพื้นที่ก็พอใจผลงานของผม

"มองว่าการพิจารณาอย่างนี้ไม่มีเหตุผล ผมไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าวว่าจะถูกย้ายแน่ และผมเคยแจ้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ไปว่าไม่มีความประสงค์ที่จะย้าย แต่ในที่สุดก็ถูกย้ายอยู่ดี" นายสยุมพรกล่าว และว่า ได้ยินข่าวว่าจะมีประชาชนจำนวนหนึ่งจะเข้าชื่อกัน เพื่อทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย ให้ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ และการย้ายนายปรีชา บุตรศรี อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ไปเป็นผู้ว่าฯปทุมธานี มองว่ามันมากเกินไป เพราะตามธรรมเนียมจะไม่มีการย้ายอธิบดีไปเป็นผู้ว่าฯ นอกจากว่าเจ้าตัวแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะออกไปเอง ถือว่าเป็นการลดระดับ

ข่าวแจ้งว่า นายปรีชาได้ขอลาพักร้อน 5 วัน เนื่องจากทำใจไม่ได้ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯปทุมธานี แต่ไม่คิดที่จะลาออก

นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ได้แต่งตั้งคนของตัวเอง ให้มีบทบาทในการเอื้อประโยชน์การเลือกตั้ง ดูได้จากการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดเล็กมาเป็นจังหวัดใหญ่ และยังมีบุคคลที่ใกล้ชิดนักการเมืองอีกด้วย อาทิ นายสุกิจ เจริญรัตนกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย มาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครอง นายอุดม พัวสกุล ผู้ว่าฯอุทัยธานี เป็นอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้งนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ว่าฯราชบุรี น้องชายนายศิโรฒน์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าช่วยเหลือการหลีกเลี่ยงภาษีการขายหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอธิบดีกรมการปกครอง

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง ที่ถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดรับสมัครข้าราชการและสรรหาเป็นนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่า 1.พิจารณาจากนายอำเภอในพื้นที่อื่นที่สมัครใจ 2.พิจารณาจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ที่อยู่ในลำดับที่ ลำดับรุ่น ที่จะบรรจุแต่งตั้ง ซึ่งสมัครใจที่จะรับการบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 3.พิจารณาจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ที่ยังไม่ถึงลำดับที่ ลำดับรุ่น ที่จะบรรจุแต่งตั้ง โดยจะทำเป็นประกาศรับสมัคร ข้าราชการเข้ารับการสรรหา เพื่อไปรักษาการในตำแหน่งนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือดังกล่าวก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการกรมการปกครองเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเปิดให้ผู้ที่จบหลักสูตรอบรมนายอำเภอที่ยังไม่ถึงลำดับที่ ลำดับรุ่นนั้น ถือเป็นระบบฟาสต์แทร็ก และจะเป็นการข้ามรุ่น ทำให้ข้าราชการที่จบการอบรมหลักสูตรนายอำเภอ รุ่น 51-52 ที่จบการอบรมตั้งแต่ปี 2544-2545 ซึ่งรอบรรจุมา 7-8 ปี จะต้องรอต่อไปอีก 1 ปี และรุ่นอื่นๆ ที่ถัดไปจะยังคงค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะปี 2551 จะมีผู้อบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 67 และในแต่ละรุ่นมีผู้ผ่านการอบรมรุ่นละ 80 คน ซึ่งตามระเบียบแล้ว อธิบดีกรมการปกครองมีสิทธิที่จะแต่งตั้งมอบหมายให้ข้าราชการมาปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติจะใช้วิธีการเรียงลำดับรุ่นผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรนายอำเภอในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่รุ่น 51

"น่าจะเป็นการออกคำสั่งเพื่อทิ้งทวน เพื่อหวังเลื่อนตำแหน่งให้คนใกล้ชิด ก่อนที่นายวิชัยจะถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย" แหล่งข่าวกล่าว และว่า นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ที่จะมาเป็นอธิบดีกรมการปกครองคนใหม่ สามารถที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อ หรือจะยกเลิกโครงการดังกล่าวก็ได้ เพราะเป็นอำนาจของอธิบดีกรมการปกครอง

แหล่งข่าวกล่าวว่า การเปิดรับสมัครนายอำเภอฟาสต์แทร็กครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ยุคนายศิวะ แสงมณี เป็นอธิบดีกรมการปกครอง เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก จึงมีการเพิ่มกำลังเสริมในพื้นที่เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา ทั้งข้าราชการ ทหาร และตำรวจ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ไม่รุนแรงเหมือนปี 2548 และผู้ที่รอการแต่งตั้งเป็นนายอำเภอ ยินดีที่จะลงพื้นที่ได้ทุกอำเภอ เนื่องจากรอการแต่งตั้งมาร่วม 10 ปี การออกหนังสือดังกล่าวของนายวิชัยจึงสร้างความไม่พอใจให้กับข้าราชการที่รอบรรจุเป็นนายอำเภอเป็นจำนวนมาก โดยเห็นว่าการบรรจุนายอำเภอลงพื้นที่ภาคใต้นั้น ควรจะสอบถามความสมัครใจของคนที่อยู่ในรุ่นที่จะได้รับการบรรจุมากกว่าข้ามไปรุ่นอื่นๆ  

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์