กี้ร์ขอรวมคดีก่อการร้ายแกนนำนปช.

กี้ร์ขอรวมคดีก่อการร้ายแกนนำนปช.

'อริสมันต์'ขอรวมคดีก่อการร้ายกับ 23 แกนนำ-แนวร่วม นปช. ศาลอนุญาตคดีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ขณะที่ทนายแกนนำ ขอศาลยกเลิกนัดสืบพยานเดิมเดือน มิ.ย.-ก.ค. รอผลการไต่สวนชันสูตรศพแนวร่วมที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ต่อสู้คดี ศาลให้โอกาสจำเลย นัดสืบพยานครั้งแรก 9 ส.ค.นี้

23 เม.ย.55 เวลา 09.00 น. ศาลนัดพร้อมคู่ความคดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2533 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วม นปช. รวม 23 คน ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ,ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ , เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และ ฝ่าฝืน พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกฉิน พ.ศ.2548 จากกรณีระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 20 พ.ค.53 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ต่อต้านรัฐบาล และบังคับขู่เข็ญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นยุบสภา

ทั้งนี้ วันนี้นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายหมายเลขดำ อ.4958/2554 อีกสำนวน ก็ได้ยื่นคำร้องขอรวมการพิจารณาคดีทั้งสองคดีเป็นคดีเดียวกัน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวมีมูลกรณีเดียวกันและพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกันจึงอนุญาตให้รวมสำนวนคดีเพื่อความสะดวกในการพิจารณาคดี

ขณะเดียวกันทนายความจำเลยทั้ง 24 แถลงว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 น.พ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 7 และ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลย 10 เป็น ส.ส. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสมัยประชุมสภา เดิมจะสิ้นกำหนดสมัยประชุมวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากรัฐสภาต้องประชุมปรึกษาหารือกันอีกจึงได้มีการขยายเวลาประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ พ.ศ.2555 ออกไปอีกจนกว่าจะได้มีพระราชกฤษฎีกา ปิดสมัยประชุม อีกทั้งขณะนี้พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไม่สงบเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดี โดยทนายของจำเลยที่ 4 ได้เป็นทนายความคดีที่มีการยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ หมายเลขดำ ที่ ช.4/2553 และ ช.7/2553 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งนัดไต่สวนวันที่ 21 พ.ค.นี้และคดี หมายเลขดำ ที่ ช.55/2553 ของศาลอาญา ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพ วันที่ 28 พ.ค.นี้ โดยฝ่ายจำเลยเห็นว่า พยานหลักฐานในคดี รวมทั้งผลของคดี จะมีผลต่อแนวทางการต่อสู้คดีของจำเลย จึงขอยกเลิกการสืบพยานโจทก์ในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.55 และให้เลื่อนสืบพยานโจทก์ในเดือน ส.ค.เพื่อรอผลคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีหนึ่งคดีใดก่อน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อฝ่ายจำเลยทั้งหมดยืนยันว่า พยานหลักฐานที่พนักงานอัยการใช้ในการไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ถือเป็นประโยชน์และเป็นหลักฐานสำคัญที่จำเลยจะใช้ประกอบการถามค้านโจทก์และเป็นแนวทางต่อสู้คดี ซึ่งโจทก์และโจทก์ร่วม 39 รายไม่คัดค้าน อีกทั้งยังไม่แน่ว่าเดือน มิ.ย.นี้ จะมีการปิดสมัยประชุมสภาหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุขัดข้องต่อการสืบพยานเห็นควรอนุญาตให้สืบพยานโจทก์นัดแรก ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.โดยอัยการโจทก์จะนำ พ.ต.อ.คณิชชัย มหิทรเทพ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขึ้นเบิกความและให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อเนื่อง ทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ติดต่อกันระหว่างที่ปิดสมัยประชุมสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้พวกจำเลยและแนวร่วม นปช.และทนายจำเลย ประมาณ 30 คนเดินทางมาศาล เพื่อร่วมฟังพิจารณาคดี

ด้านนายคารม พลพรกลาง ทนายความจำเลย กล่าวว่า ที่เราต้องขอให้ศาลเลื่อนการสืบพยานในคดีนี้ออกไปก่อน โดยให้รอผลการไต่สวนคดีชันสูตรพลิกศพ นปช.ที่เสียชีวิตสัก 1-2 คดี เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเสียชีวิตจากฝีมือของฝ่ายใด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการซักค้านฝ่ายโจทก์ อีกทั้งเป็นประเด็นสำคัญในการต่อสู้คดี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์