“การเมืองใหม่ ไม่มีพวกหมาหลง”สมศักดิ์ โกศัยสุข

 "พันธมิตรฯ ก็ต้องพิสูจน์และต้องพยายามจะไม่ให้เป็นอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงมันจะเป็นหรือไม่เป็น ก็อยู่ที่ว่าเราจะคุมคนที่เราส่งเข้าไปได้หรือไม่ เราต้องสร้างระบบ แล้วระบบไปสร้างคน ถ้าเราสร้างระบบที่ดีได้เราก็จะจัดการกับคนได้"

กำลังจะกลายเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ล่าสุดของสนามการเมือง สำหรับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คำถามมากมายประเดประดังเข้าสู่ “ศูนย์กลางการนำ” ว่า

การตัดสินใจนำทัพเข้าสู้ศึกสมรภูมิของนักเลือกตั้งนั้นมาจากปัจจัยอะไรเป็นสำคัญ
และในที่สุดแล้วจะเป็นจังหวะที่ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง หรือพันธมิตรฯ จะถูกการเมืองน้ำเน่าเปลี่ยนแปลงเสียเอง แกนนำพันธมิตรฯ สายแรงงาน ณ วันนี้ได้รับการสถาปนาเป็นประธานสภาพันธมิตร“สมศักดิ์ โกศัยสุข” ไขข้อข้องใจทุกมิติ


จุดพลิกผันที่ต้องตั้งพรรคการเมืองอยู่ตรงไหน ?

 หลายจุดนะ คือเป้าหมายของพันธมิตรฯ ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับโทษ ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ตอนเป็นฝ่ายค้านก็คิดตรงกับเรา เราก็ช่วย นายกฯ ก็เป็นคนที่หาข้อตำหนิยาก พันธมิตรฯ ก็เลือกประชาธิปัตย์ แต่พอพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ปรากฏว่าเหตุการณ์มันกลับตาลปัตรไปหมด สิ่งที่เราเคยเรียกร้องเรื่องพาสปอร์ตพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ ทำได้เลย แถมยังจับคนที่ไปชุมนุม แต่คนที่ยิงประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม คนที่ยิงเอ็ม 79 ทั้งที่ทำเนียบและที่สนามบินดอนเมือง ก็ไม่โดนอะไร 

 อีกจุดหนึ่งคือการประชุมอาเซียน (บวก 3 บวก 6) ที่พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นงานรูทีน (งานประจำ) งานง่ายๆ ภายใต้การขึ้นมาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ผู้คนก็ยังสนับสนุนมาก ประชาชนก็หวังว่างานนี้จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่ก็ทำไม่ได้ มันไม่น่าเชื่อ แสดงว่าแย่ 

 วันนั้นตอนเช้าวันที่ 11 เมษายน แกนนำนั่งประชุมกันอยู่ นายกฯ ก็โทรศัพท์มาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ในฐานะที่พวกเราเคยเคลื่อนไหวมวลชน คุณสนธิก็ถามว่าจะให้เราช่วยอะไร เรายินดี คือตอนนั้นเราเตรียมคนเอาไว้หมดแล้ว มีการวางแผนกันแล้วจุดไหนๆ จะกันไว้ไม่ให้เสื้อแดงขึ้นไปล้มการประชุม
แค่เราเป่านกหวีดทีเดียวไม่เกิน 1 ชั่วโมง พวกเราจะพรึ่บหมดทุกจุด อย่างต่ำ 2-3 หมื่นคน เราเตรียมไว้หมด แต่นายกฯ นิ่งไปสัก 15 วินาที บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวช่วยตัวเองไปก่อน

งานนั้นทำให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีศักยภาพพอที่พันธมิตรฯ จะสนับสนุนอีกต่อไป? 


 อืมมม...จริงๆ แล้ว วันนี้ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่อยากให้รู้ว่างานที่ควรจะทำได้ก็ทำไม่ได้ ก่อนหน้านั้น นายกฯ ก็ไปติดไฟแดงที่พัทยา ลากกันไปลากกันมาก็หวาดเสียวไปพักหนึ่ง แล้วก็มาเจอที่กระทรวงมหาดไทย แต่ที่แย่ที่สุดคือประชุมอาเซียนมีผู้นำต่างประเทศอยู่ด้วย อย่างผู้นำจีน ที่มีประชากรเป็นพันล้าน แล้วเขาออกจากโรงแรมไม่ได้ รวมๆ แล้วประเทศที่มาร่วมกับเราเป็นตัวแทนประชากร 3 กว่าล้าน ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร


แต่รัฐบาลเลือกใช้บริการสีน้ำเงินแทนสีเหลือง ? 

 การไม่เชื่อเราก็แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเนวินมีอิทธิพลทางความคิด คิดว่าเสื้อน้ำเงินดีกว่า แล้วเป็นอย่างไรล่ะ ออกมาถือไม้ ถืออาวุธ แล้วรัฐบาลบอกว่าเป็นอาสาสมัคร ภาพมันดีมั้ยล่ะ คนก็เห็นทั้งบ้านทั้งเมืองว่าเนวินนั่งมอเตอร์ไซค์สั่งการ คนที่อยู่เหนือรัฐบาลคือ กลุ่มเนวิน โครงการต่างๆ จะไปตามทิศทางเดิมหมด ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราก็วิเคราะห์ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ไม่นานเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจ


กรณียิงคุณสนธิ เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจหรือเปล่า ? 

 เรื่องคุณสนธิ ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง ในฐานะที่คุณสนธิเป็นผู้นำมวลชน และก็เป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่สำคัญคนหนึ่งในประเทศนี้ แล้วภายใต้การประกาศสถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน ข้อมูลที่ออกมาก็บอกว่าลูกปืนมาจากฝั่งทหาร
แล้วถามว่าใครรับผิดชอบในสถานการณ์ฉุกเฉิน อำนาจอยู่กับ ผบ.ทบ.อยู่แล้ว แต่ ผบ.ทบ.กลับมาพูดว่าลูกกระสุนนี้ใครก็มีได้ สุดท้ายจะเหลือใครที่คิดถึงประชาชนบ้าง 

ถ้า ส.ส.ของพันธมิตรฯ ได้เลือกเข้าไปน้อย จะเปลี่ยนอะไรได้ ? 

 ถ้าพรรคเราแข็งจริง ถึงได้เสียงน้อยก็รักษาประโยชน์ได้ อย่างสมัยก่อนคุณอุทัย พิมพ์ใจชน มีอยู่ไม่กี่เสียง ก็มีทบบาทเยอะ อย่างพรรคสังคมนิยม พรรคพลังใหม่ สร้างบทบาทเยอะ เสียงน้อยก็ทำอะไรได้เยอะ

แต่สุดท้ายพรรคการเมืองเหล่านี้ก็ล้มหายตายจากไป เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี ? 

 มันก็ไปได้ระยะหนึ่งนะ แต่ก็ยอมรับว่าสุดท้ายอุดมการณ์มันก็ไปไม่รอด ส.ส.ถูกซื้อ ถูกดูดไป แล้วก็เพี้ยน หาประโยชน์ไป ซึ่งตรงนี้พันธมิตรฯ ก็ต้องพิสูจน์และต้องพยายามจะไม่ให้เป็นอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงมันจะเป็นหรือไม่เป็น ก็อยู่ที่ว่าเราจะคุมคนที่เราส่งเข้าไปได้หรือไม่
เราต้องสร้างระบบ แล้วระบบไปสร้างคน ถ้าเราสร้างระบบที่ดีได้เราก็จะจัดการกับคนได้ แต่ถ้าเราสร้างระบบที่ดีไม่ได้ก็แย่ ไหนจะมวลชนพันธมิตรฯ ที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรคคอยจ้องจะดูความสำเร็จหรือล้มเหลว ซึ่งคนกลุ่มนี้จะตรวจสอบเราอย่างเข้มข้นแน่ 

 แต่อยากบอกว่าการเมืองใหม่แบบพันธมิตรฯ ทุกอย่างใหม่หมด โครงสร้างพรรคก็ใหม่ คณะกรรมการบริหารพรรคอาจจะไม่ลงสมัคร ส.ส.เลยก็ได้ ส่วน ส.ส.ก็ต้องหน้าใหม่หมด อาจจะมีเก่าบ้างแต่ก็ต้องเป็นคนดี ไม่มีตำหนิ จะไม่มีประเภทนักเลือกตั้ง ย้ายพรรคไปมา แล้วสุดท้ายมาอยู่พันธมิตรฯ อย่างนี้ไม่มี 

ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ โจมตีการเมืองเก่าว่าไว้ใจไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เข้าสู่ระบบเสียเอง ?

 ระบบพรรคของพันธมิตรฯ จะไม่เหมือนการเมืองเก่า ที่คณะกรรมการไม่กี่คนมาเสนอผู้แทน จึงเห็นพวกหมาหลงมากมาย แต่ของพันธมิตรฯ ผู้สมัคร ส.ส.ต้องให้ประชาชน สาขาพรรคโหวตกันขึ้นมาเป็นขั้นๆ เป็นระบบไพรมารี่โหวต เหมือนหาตัวแทนลงสมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐ คือให้เลือกมาจากท้องถิ่นหน่วยย่อยๆ ไม่ใช่การกำหนดจากบนสู่ล่าง ต้องยอมรับว่า ในทุกประเทศ 200 กว่าประเทศทั่วโลก มันต้องมีตัวแทนในสภากันทั้งนั้น แต่จะต่างกันที่การเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่าไปวิจารณ์การเมืองในระบบ แล้วจะบอกว่าไม่ต้องมีตัวแทนให้ประชาชนบริหารโดยตรง มันเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ แต่เราสามารถใช้การบริหารจัดการที่ดีสร้างตัวแทนที่ดีได้

การเมืองใหม่จะยังคงมีเรื่องการเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์แต่งตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์อยู่หรือไม่ ? 

 นั่นมันเรื่องโจ๊ก ที่พูดกันขึ้นมา และเราก็คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าจะแก้ให้ตัวแทนกลุ่มอาชีพเข้ามาด้วย ที่ผ่านมาตัวแทนกรรมกรไม่เคยเข้ามา เลือกมากี่ปีๆ มีแต่ตัวแทนนายทุน อันธพาล อิทธิพลท้องถิ่น 85 เปอร์เซ็นต์ แล้วทำไมคนสาขาอาชีพอื่นจะไม่ได้เข้าไปในสภาบ้าง นี่คือทางที่เราเสนอ


ได้วางตัวกันหรือยังว่าแกนนำคนไหนจะเป็นหัวหน้าพรรคและคนไหนจะนำทัพอยู่นอกสภา ? 

 ยังไม่ได้คุยในระดับแกนนำ แต่จะให้ประชาชนในทุกสาขาอาชีพเตรียมเสนอเข้ามา แล้วซาวเสียงกัน และต้องดูเรื่องกฎหมายว่าต้องถูกต้องด้วย

แสดงว่าพิจารณากรณีคุณสนธิ ที่หมิ่นเหม่จะผิดกฎหมายด้วยเหมือนกัน ? 

 เราดูกันแล้วไม่เห็นว่ามีปัญหา เพราะคุณสนธิล้มละลายมาเกิน 3 ปีแล้ว ดูทั้งรัฐธรรมนูญมาตรา 102 กฎหมายพรรคการเมือง ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
ส่วนที่กล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับสื่อถ้าคุณสนธิตัดตรงนี้ออกไปก็ไม่เป็นปัญหา อดีตเคยเป็น ถ้าวันนี้จะทำก็ต้องตัด และจะต้องไม่ใช่เครือข่ายญาติโกโหติกาด้วย ต้องอธิบายให้ได้ทั้งพฤตินัยและนิตินัย


ประเมินคร่าวๆ คิดว่า ฐานมวลชนของพันธมิตรฯ น่าจะมีสักเท่าไหร่ ? 

 ก็ถ้าดูจากที่เราชุมนุมมา 193 วัน ทั้งที่ปักหลักและเข้าๆ ออกๆ ทั่วประเทศก็ราว 15 ล้านคน


เสถียร วิริยะพรรณพงศา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์