กษิตยันฮุนเซนเข้าใจคำ “นักเลง” - ชี้แปลผิด

เมื่อเวลา 10.45 น.วันนี้ (1 เม.ย.) ที่อาคารกรมประชาสัมพันธ์ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุม ครม.นัดพิเศษ

ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมถึงการที่สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ข้องใจกรณีที่นายกษิตระบุว่าตนเองเป็นนักเลง โดยนายกษิต พยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามด้วยสีหน้าเมินเฉยว่า“คุณรู้ภาษาไทยหรือเปล่า” เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้ชี้แจงไปยังสมเด็จฮุนเซนหรือยัง นายกษิต ไม่ตอบคำถามใดๆ จากนั้นรีบเดินเลี่ยงไปทันที จากนั้นนายกษิตได้เข้าหารือกับนายสุเทพ โดยใช้เวลาหารือ 20 นาที ภายหลังการหารือนายกษิต กล่าวว่า การหารือกับนายสุเทพเป็นการหารือเรื่องทั่วไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องชี้แจงกับทางกัมพูชากรณีที่สมเด็จฮุนเซน ข้องใจหรือไม่ นายกษิต ตอบว่า ไม่ต้องแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่า คำแปลที่ถูกต้องคืออะไร

เมื่อถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือชี้แจงไปแล้วหรือยัง นายกษิต กล่าวว่า “พูดไปหมดแล้วเขาไปแปลคำผิด ผมชื่นชม ท่านนายกฯ ฮุนเซนเป็นอย่างยิ่ง เขาเข้าใจแล้ว ส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหารทหารกำลังพูดจากันอยู่” ขณะที่ วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายกษิต เปิดแถลงข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในทุกประเด็นพร้อมท้าดีเบตทุกเวทีว่า การใช้สถานที่กระทรวงต่างประเทศ มีฉากหลังเป็นสัญลักษณ์ของกระทรวงการต่างประเทศในการแถลงข่าวตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะนายกษิตต้องเป็นทูต เป็นตัวแทนของประชาชนไปพบผู้นำแต่ละประเทศ พฤติกรรมลักษณะนี้จะทำหน้าที่ต่อได้อย่างไร

แม้ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ต้องพิจารณาด้วยว่านายกษิต ยังเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ รมว.ต่างประเทศ ต่อหรือไม่

เพราะแม้สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังระบุด้วยว่ารัฐบาลของท่านมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจากการปล้นประชาธิปไตย เมื่อได้ยินแบบนี้นายอภิสิทธิ์ รู้สึกอับอายบ้างหรือไม่ตะเพิดขึ้นเวที พธม. ประจันหน้านายใหญ่ นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า หากย้อนไปในอดีต รมว.ต่างประเทศ ทุกคนมีความนุ่มนวล สุขุม การให้สัมภาษณ์จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นสิ่งที่นายกษิตทำลงไป ในฐานะที่ตนเป็น ส.ส. เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเห็นว่าการทำหน้าที่ของนายกษิตในฐานะฝ่ายบริหารไม่เหมาะสม และหมดความชอบธรรมที่จะเป็นตัวแทนคนไทยในการทำหน้าที่รมว.ต่างประเทศแล้ว และยังทำคนไทยในต่างประเทศจะต้องอับอายขายหน้า เป็นวันที่กระทรวงการต่างประเทศตกต่ำที่สุด พฤติกรรมแบบนี้ของ รมว.ต่างประเทศข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศรับได้หรือไม่

ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายกษิตพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ส่วนกรณีที่นายกษิตประกาศสู้รบแตกหัก พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ขอให้อย่าใช้สถานที่ราชการ เพราะไม่เหมาะสมหากจะสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้ไปตั้งเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาประจันหน้ากัน

ส่วนกรณีที่นากษิตยอมรับว่าได้รับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณในช่วงนั้น ท่านนำไปใช้จ่ายอย่างไรไม่สน แต่การรับเงินในสมัยที่ยังเป็นข้าราชการนั้น ผิดมาตรา 103 กฎหมาย ป.ป.ช. มีโทษตามมาตรา 122 และจริยธรรม คุณธรรมของท่านใช้ไม่ได้ จึงขอให้ ป.ป.ช. ต้องตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย เพราะคดีความยังไม่หมดอายุ  นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายกฯ ในฐานะประธานอาเซียน เดินทางไปร่วมประชุมจี 20 ประเทศอังกฤษนั้น นายอภิสิทธิ์ จะเอาข้อมูลอะไรไปเสนอที่ประชุมจี 20 จะเอาน้ำยาอะไรไปพูดเรื่องแก้วิกฤติเศรษฐกิจโลก เพราะขนาดเอทีเอ็มของท่านที่เก็บไว้ที่บ้านยังถูกคนใช้ขโมยไปโดยไม่รู้ตัว แบบนี้จะมาบริหารประเทศ มาบริหารเศรษฐกิจ การเงิน การคลังได้อย่างไร อายเขา นายอภิสิทธิ์อาจจะพูดภาษาอังกฤษได้สวย แต่ความรู้ด้านเศรษฐกิจของอ่อนด้อยมาก ขอเรียกร้องว่าอย่าทำให้ประเทศต้องขายขี้หน้า โดยการไปแนะนำประเทศที่เจริญและมีความรู้ด้านเศรษฐกิจเยอะกว่า วันนี้เอาบ้านเมืองให้รอดเสียก่อนที่จะไปแนะนำประเทศอื่นดีกว่า

ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ออกอาการเหมือนอยากให้คนเสื้อแดงชุมนุมอยู่ภายใต้กฎหมาย โดยอ้างว่ามีคำสั่งศาลให้ผู้ชุมนุมเปิดทางให้ข้าราชการเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลนั้น

เป็นการพูดเหมือนว่าหากไม่ทำตามคำสั่งศาลจะใช้ความรุนแรง แม้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ดูแลด้านความมั่นคงยืนยันว่าจะไม่ใช่ความรุนแรงสลายการชุมนุม แต่ขอทำนายว่ารัฐบาลเตรียมประกาศใช้พระราชกำหนดในสภาวะฉุกเฉินอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากเกิดความรุนแรงขึ้นแล้วคนเสื้อแดงไปปิดสนามบินสุวรรณภูมิบ้างอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นขอเตือน นายสุเทพว่า จะสั่งการอะไรหากไม่ถูกต้อง ระวังตำรวจ ทหารระดับล่างในภาคเหนือ อีสาน กลาง ที่วันนี้ไม่พอใจท่านจะหันปากกระบอกปืนไปยิงท่านก็ได้

ด้านนายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่พรรคมีมติส่งนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ร้อยเอ็ด แทนนายนพดล พลซื่อ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่โดนใบแดง คาดว่าในสนามสอบซ่อมจะมีผู้สมัครจากซีกฝ่ายค้าน

คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคจากซีกรัฐบาลเพียงพรรคเดียวที่จะลงแข่งขันกัน เชื่อว่าจะเป็นการวัดกระแส พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้งหนึ่งในสนามนี้ และในที่สุดน่าจะได้รับความไว้วางใจอย่างแน่นอน แต่ที่กังวลคือ การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 26 เม.ย. แต่ปัญหาคือช่วงเทศกาลสงกรานต์ประชาชนจะกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก มีงานเลี้ยงสังสรรค์ ทำให้ผู้สมัครเดินหาเสียงในช่วงนี้ยาก อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ ดังนั้นพรรคต้องเน้นให้ ส.ส.มาช่วยลงพื้นที่และตั้งเวทีปราศรัย โดยชี้แจงถึงนโยบายต่างๆ ที่หากมีโอกาสเป็นรัฐบาลแล้วจะเข้าไปทำ รวมทั้งผลงานที่ผ่านมา และชี้แจงผลงานการทำหน้าที่ฝ่ายตค้านในสภา ทั้งหมดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า ในอนาคตพรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นรัฐบาลได้