กษิต เดินทางฟังศาลโลกเรื่องพระวิหาร

เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 14 ก.ค.54 ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นาย กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
 
เปิดเผยก่อนเดินทางไปยังกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อฟังคำพิพากษาของศาลโลกกรณี ที่กัมพูชาร้องขอให้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว บริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้นัดทั้งไทยและกัมพูชา ไปรับฟังคำตัดสินในวันที่18 กรกฏาคม นี้ เวลา 10.00น.ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 15.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ว่า การเดินทางไปครั้งนี้ ทุกคนต่างก็เดินทางไปด้วยใจระทึก แต่ก็ด้วยความคาดหวังที่ดี เพราะจากการเตรียมการมาเป็นร่วมปี รวมกับที่เราได้พบปะกับคณะที่ปรึกษาของเราทั้ง 3 ท่านและจากการที่เราไปให้การในวันที่ 30-31 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ผมไม่ใช่นักกฎหมาย เท่าที่ฟังดูด้วยเหตุด้วยผลก็มีความหนักแน่น ตามหลักกฎหมายและครอบคลุมทุกประเด็นในการปฎิเสธคำขอ ของกัมพูชา หรือข้อโต้แย้งใดใด และการให้การก็เป็นเรื่องเป็นราว เราก็มีความมุ่งหวังว่าเหตุและผลและหลักกฎหมายนั้นจะเพียงพอให้ทางคณะผู้พิพากษาศาลโลก 15 ท่านได้รับทราบพิจารณาด้วยดี ก็ได้ความหวังที่ดีว่าเค้าจะรับฟังเหตุผล หลักการและข้อกฎหมายต่าง


ส่วนเอกสารที่เรายื่นเพิ่มเติมนั้น ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะเป็นเอกสารเกี่ยวกับการปะทะ บริเวณปราสาทตาเหมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

ก็เป็นเรื่องของการให้ข้อเท็จจริงและ ได้ยืนยันมาตลอดเวลา ว่าการปะทะใดใดที่ได้เกิดขึ้นนั้น มันเป็นเรื่องที่เราถูกรุกรานก่อน ด้วยเหตุผลที่ทางกัมพูชาต้องการใช้การปะทะอันนั้นไปที่สหประชาชาติ เพื่อสร้างความเห็นอกเห็นใจที่คณะกรรมการมรดกโลกหรือยูเนสโก และในที่สุดก็ใช้การปะทะที่บริเวณดังกล่าวไปที่ศาลโลก ซึ่งเป็นเป้าหมายเกี่ยวกับพื้นที่ที่มีข้อพิพาทกัน ส่วนการป้องกันตนเองนั้นเราก็ทำขอบเขต ณ พื้นที่ ไม่ได้มีการขยายการสู้รบ ส่วนความหนักหน่วงนั้นก็อยู่ที่ว่าจะถูกโจมตีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในช่วงของการสู้รบนั้น เราก็มีการติดต่อที่จะให้มีการหยุดยิง หยุดปะทะ นอกจากนั้นเราก็ได้เรียกร้องต่อกัมพูชาโดยตรง รวมถึงผ่านไปทางรัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย ว่า เรามีกรอบการเจรจา มีสมุดคู่มือที่จะให้มีการเจรจาคือบันทึกช่วยจำ หรือ MOU ปีพ.ศ. 2543 มีกรอบการเจรจาเจบีซี จีบีซี ต่างต่างเหล่านี้ทั้งที่เราพร้อม แต่จนกระทั่งถึงวันนี้ ทางรัฐบาลกัมพูชาก็ยังปฎิเสธอยู่

ส่วนประเด็นปัญหาที่ทางกัมพูชาระบุว่ารัฐสภาของเราไม่พิจารณาและให้ความเห็นชอบ ต่อบันทึกช่วยจำ 3 ฉบับ ที่สืบเนื่องมาจากผลการประชุมเจบีซี

ล่าสุดทางสภาฯ ก็ได้ส่งเรื่องกลับมาให้ที่ฝ่ายบริหาร ตามข้อคิดเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดก็พร้อมแล้วอยู่ที่กัมพูชาจะนำขึ้นมาพูดคุยกันหรือไม่ แต่การที่ทางรัฐบาลกระทำอยู่อย่างนี้ บ่งบอกถึงเจตนาว่าไม่อยากจะเจรจา แต่อยากจะใช้เวทีระหว่างประเทศเพื่อจะบีบคั้นประเทศไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์