กรมสรรพากรยึดอายัดทรัพย์สินของ โอ๊ค-เอม กว่า1.1 หมื่นล้านบาท


นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่า กรมสรรพากรได้ยึดอายัดทรัพย์สินของนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร (เอม) ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท เท่ากับภาษีที่ทั้ง 2 คน ยังค้างจ่ายให้กับกรมสรรพากร จากการซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปปอเรชั่น จากบริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนท์ ในราคาต่ำกว่าตลาดทำให้มีกำไรจากการซื้อ


ทั้งนี้สำหรับทรัพย์สิน 1.1 หมื่นล้านบาท ที่ยึดอายัดไว้ มีทั้งเงินสดที่ปลอดจากการอาหยัดของหน่วยงานอื่นๆ หุ้นของบริษัทต่างๆ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ หน่วยลงทุน และที่ดิน ซึ่งทั้งหมดเป็นมูลค่าประเมินสามารถขึ้นลงสภาพตลาดได้


นายวินัย กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องภาษีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลภาษี เนื่องจากผู้เสียภาษีไม่เห็นด้วยกับการประเมินของกรมสรรพากร ก็ต้องรอผลการตัดสินของศาล หากศาลวินิฉัยว่ากรมสรรพากรต้องเก็บภาษีจากทั้ง 2 คน กรมสรรพากรก็จะดำเนินการขายทรัพย์สินเพื่อมาชำระภาษี รวมทั้งเงินเพิ่ม เบี้ยปรับ ให้ครบตามจำนวนต่อไป


อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงการตรวจสอบภาษีผู้ก่อการร้าย ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องให้สำงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สรุปผลออกมาก่อนว่าเงินที่ได้มาของบุคคลต่างๆ ตามราชชื่อเป็นเงินที่มาได้เพื่อก่อการร้าย หรือ เป็นเงินที่หาได้มาด้วยตัวเอง หากเป็นกรณีหลังทางกรมสรรพากรก็จะเข้าไปประเมินว่า เงินดังกล่าวมีการเสียภาษีถูกต้องแล้วหรือยัง หากยังไม่มีการเสียภาษีก็ต้องดำเนินการเก็บให้ถูกต้อง


สำหรับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรในเดือน มิ.ย. 2553 ผ่านไปครึ่งเดือนยังเก็บได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าทั้งเดือนจะเกินเป้า 10% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 8% จากเป้าที่ตั้งไว้ต้องเก็บให้ได้ 8 หมื่นล้านบาท ขณะที่การเก็บภาษีทั้งปีที่เป้าตามเอกสารงบประมาณ 1.09 ล้านล้านบาท และมีการปรับเพิ่มเป้าการเก็บภาษีในเดือน ม.ค. 2553 เป็น 1.18 ล้านล้านบาท คาดว่า ทั้งปีจะเก็บได้ไม่น้อยกว่าเป้าใหม่ เพราะการเก็บภาษีทุกๆ ตัว อย่างเป็นไปได้ดี โดยเฉพาะการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศ อย่างขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งเดือน พ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง

นายวินัย กล่าวว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ออกกฎกระทรวงให้ประชาชนที่ไปท่องเที่ยวและพักโรงแรม สามารถนำค่าที่พักมาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 1.5 หมื่นบาท แต่หากประชาชนต้องการให้ค่าเดินทางอาหารมาหักภาษีได้ด้วย ก็ต้องไปซื้อแพกเกจทัวร์ของบริษีทท่องเที่ยวก็สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท เช่นกัน ทั้งนี้กรมสรรพากรขอเตือนผู้ประกอบการโรงแรมไม่ควรออกใบเสร็จเกินจริง เพราหากกรมสรรพากรตรวจพบจะมีความผิดอาญา ฐานทำเอกสารเท็จได้


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์