กมธ.สรุป“แทน”ครอบครองที่ดินเขาแพงผิด กม.

กมธ.กม.สภา สรุป “แทน เทือกสุบรรณ” ครอบครองที่ดินเขาแพงผิดกฎหมาย จี้อธิบดีกรมที่ดิน-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ

วันนี้ ( 20 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า จากกรณีที่มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย กรณีการถือครองที่ดินของ นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้ข้อสรุปว่า เจ้าพนักงานที่ดินสาขาเกาะสมุยได้ออกเอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ให้กับนายแทน เป็นการออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น อธิบดีกรมที่ดินในฐานะที่มีอำนาจตามกฎหมาย ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2543 มาตรา 61 การออกเอกสารสิทธิให้กับ บริษัท ชนาพันธุ์ จำกัด เป็นการออกโฉนดที่ดินที่ขัดต่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 มีการออกเอกสาร น.ส.3 ก โดยไม่มีที่มา ไม่มีการรางวัด เป็นการออกเอกสาร ส.ค.1 ที่ไม่มีสารบบ หรือต้นเรื่อง มีเพียงหมายเหตุไว้ในสมุดคุม ส.ค.1 เท่านั้น ดังนั้น จึงเป็น น.ส.3 ก ที่ไม่ชอบ และนำไปออกโฉนดที่ดินที่มิชอบด้วยเช่นกัน ดังนั้น อธิบดีกรมที่ดินจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป การกระทำโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ และเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการทางวินัย และดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
     
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า การถือครองที่ดินของนายแทน ตามหลักฐานการซื้อขายพบว่า ที่อนุกรรมาธิการได้รวบรวมมาแสดงให้เห็นว่า นายแทน ได้ถือครองที่ดินขณะที่ มีอายุเพียง 14-15 ปี ซึ่งยังเป็นเด็ก และผู้เยาว์ที่ยังไม่มีอาชีพ และรายได้ เป็นพฤติการณ์ที่น่าจะถือครองแทนบิดา คือนายสุเทพ ซึ่งมีฐานะ และศักยภาพที่จะได้ที่ดินที่มีราคาแพงเหล่านี้ มาครอบครอง จึงเชื่อว่านายสุเทพ มีพฤติการณ์ปกปิดสภาพทรัพย์สินเหล่านี้ไว้ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงเห็นว่าจะนำรายงานดังกล่าว ส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
     
เมื่อถามว่า ขณะนี้นายสุเทพ ได้ลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว จะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปดูข้อกฎหมาย ซึ่งการดำเนินคดีอาญาสามารถดำเนินการได้ แม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ก็สามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ ต้องย้อนกลับไปดูว่าขณะดำรงตำแหน่งได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ความเป็น ส.ส. การข่มขู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์