นายประพันธ์นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.กลาง) ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา เข้ายื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน หาเสียงว่าจะตั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 31 คน ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 มาตรา 49(3) กำหนดให้ตั้งประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษาและคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม.ได้ไม่เกิน 9 คน และคำร้องตามมาตรา 57(5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ระบุว่าห้ามไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใด หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด โดยคาดว่าในวันที่ 12 มีนาคมนี้ จะนำคำร้องดังกล่าวเข้าที่ประชุม กกต.กทม. เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับสำนวนจากกกต.กทม. เพราะข้อเท็จจริงที่เสนอผ่านทางสื่อมวลชนไม่แน่ใจว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกกต.กทม. กำลังดำเนินการอยู่ โดยจะมีแนวทางการวินิจฉัย 3 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 ยกคำร้อง แนวทางที่ 2 สั่งให้เลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) และแนวทางสุดท้าย ตีดสิทธิ์การเลือกตั้ง (ใบแดง) และเมื่อกกต.กทม.ส่งคำวินิจฉัยไม่ว่าจะออกมาในแนวทางใดมาที่ให้กกต.กลางพิจารณาลงมติ ไม่จำเป็นที่ต้องมีคำวินิจฉัยหรือมติตรงกับกกต.กทม. เพราะกฎหมายได้ให้อำนาจกกต.กลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด โดยจะต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า 4 คน และต้องเป็นเสียงข้างมาก อย่างไรก็ตามถ้าหากสำนวนยังไม่พอที่จะพิจารณาวินิจฉัยกกต.กลางก็จะตีกลับสำนวนไปให้กกต.กทม.สืบสวนสวนสวนใหม่
กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง กล่าวต่อว่า ถ้าภายใน 30 วัน กกต.กทม.ยังไม่สามารถส่งสำนวนมาให้กกต.กลางพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งได้ จะต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนแต่ถ้าหากมีผลหารพิจารณาของกกต.กลางมีมติให้ใบเหลือง หรือใบแดงก็สามารถยื่นศาลอุทธรณ์ได้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
