เทือกขอสู้ในสภาให้ถึงที่สุดก่อน ย้ำหากปชป.ลาออกไร้คนต้านกม.อันตราย

วันนี้ 22 ส.ค.56  ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

ถึงการต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อต่อต้านการนิรโทษกรรมและการกินรวบประเทศไทยว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะทำคู่ขนานกันไปทั้งในและนอกสภาเพราะฝ่ายรัฐบาลได้เสนอเรื่องที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองเข้าสภา จึงมีความจำเป็นที่พรรคต้องยืนหยัดต่อสู้ในสภาอย่างเข้มข้น ในการปกป้องรักษาบ้านเมืองให้ดีที่สุด เช่น การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ถ้าไม่ได้ติดตามรายละเอียดอาจไม่ทราบว่ามีปัญหาคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าดำเนินการตามที่รัฐบาลเสนอให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นคือวุฒิสมาชิกจะอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของพรรคการเมือง เพราะเมื่อต้องหาเสียงเลือกตั้งก็ต้องอาศัยพึ่งพิงนักการเมือง พรรคการเมือง หัวคะแนน ฐานคะแนน ในที่สุดวุฒิสภาก็อยู่ภายใต้การครอบงำของพรรคการเมืองใหญ่

และการแต่งตั้งองค์กรอิสระก็จะเป็นไปตามความต้องการของพรรคการเมือง

จนเกิดเหตุเหมือนที่เคยเกิดมาแล้วว่ารัฐบาลเข้าไปครอบงำ ก.ก.ต. ป.ป.ช.และองค์กรอิสระต่าง ๆ  จนบ้านเมืองไม่มีการตรวจสอบที่ดีพอ เพราะทุกฝ่ายล้วนเป็นคนที่รัฐบาลสั่งได้ อันตรายจะเกิดกับประเทศชาติ จะมีการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ มีการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยที่ใครก็ตรวจสอบไม่ได้ จะเป็นปัญหากับประเทศชาติและประชาชนในที่สุด ดังนั้นพรรคจึงต้องคัดค้านเรื่องนี้เพราะวุฒิสมาชิกควรมาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งนักธุรกิจ พ่อค้า แพทย์ วิศวกร สื่อมวลชน ข้าราชการ คนเหล่านี้สมควรได้เข้ามาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายให้มีความรอบคอบ หากให้กลุ่มวิชาชีพเลือกตั้งกันเองจะมีความเป็นอิสระเป็นกลางในการทำหน้าที่ได้ดีกว่าวุฒิสมาชิกที่มาจากพรรคการเมืองหรือผูกพันกับพรรคการเมือง


เทือกขอสู้ในสภาให้ถึงที่สุดก่อน ย้ำหากปชป.ลาออกไร้คนต้านกม.อันตราย

นายสุเทพ กล่าวถึงข้อเสนอของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ขอให้ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ลาออกทั้งพรรคว่าแต่ละฝ่ายมีภาระหน้าที่ของตัวเอง และต่างคนต่างทำหน้าที่

ขณะนี้หน้าที่ในสภายังเป็นความจำเป็นที่พรรคต้องทำอยู่ โดยจะเดินคู่ขนานกันไปกับเวทีผ่าความจริงฯ เพื่อทำงานกับมวลชนด้านนอก และพร้อมร่วมมือทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ที่มีแนวคิดเดียวกัน แต่ไม่จำเป็นที่ทุกกลุ่มจะต้องทำเหมือนกันหมด เหตุผลที่พรรคต้องต่อสู้ในสภาเพราะมีกฎหมายหลายฉบับที่ต้องคัดค้านให้เป็นที่ปรากฏเพื่อให้ประชาชนได้ทราบ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่าง การกู้เงิน 2 ล้านล้าน ถ้าไม่มีพรรคเป็นฝ่ายค้านกฎหมายก็ผ่านสะดวกไม่มีใครอภิปรายท้วงติง ประชาชนก็จะไม่มีโอกาสทราบว่ากฎหมายเหล่านั้นเป็นภัยต่อบ้านเมืองอย่างไร

“ผมยังไม่พูดอะไรล่วงหน้าวันนี้ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก่อน เมื่อสถานการณ์ที่จำเป็นต้องตัดสินใจผมก็ต้องตัดสินใจโดยเอาบ้านเมืองเป็นหลัก เพราะผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ส.ส. ขณะนี้อายุ 64 ปีแล้วและไม่กังวลในเรื่องคดีว่าหากลาออกจะไม่มีเอกสิทธิส.ส.คุ้มครอง เพราะจะสู้คดีไม่หนีไปดูไบแน่นอน” นายสุเทพ กล่าว

สำหรับกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าพรรคเตะถ่วงเวลาและแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนทำให้สภาตกต่ำนั้น

นายสุเทพ กล่าวว่า สภาตกต่ำอยู่ที่การทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาจากการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา ไม่มียุคไหนสมัยไหนที่ประธานสภากับรัฐบาลสมคบกันเอาตำรวจมาซ่อนในสวนสัตว์ ถึงเวลาก็ยกกำลังปราบจลาจลมาคุกคาม ข่มขู่ ส.ส. การนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสภาก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามาคุกคามส.ส. วันนี้ไม่มีคนนอกล้อมสภา แต่เอาตำรวจมาล้อมสภาเพื่อคุกคามส.ส. ซึ่งในช่วงพรรคเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านทำอะไรหนักหนาสาหัสมาก ทั้งล้อมสภา ไล่ทุบรถคนอื่น ฆ่าคน เผาบ้านเผาเมือง วันนี้จะมาทำตัวเป็นผู้ดีคงลบคราบเดิมไม่หมด ทั้งนี้ตนทราบดีว่าเสียงข้างน้อยอภิปรายอย่างไรก็สู้ไม่ได้แต่สภาเป็นที่ต้องพูดด้วยเหตุผล ให้คนที่มีเสียงข้างน้อยแสดงเหตุผล แต่ประธานรัฐสภาและรัฐบาลพยายามปิดปาก เอามือที่มากกว่าในสภามาจำกัดสิทธิการทำหน้าที่เสียงข้างน้อยในสภาก็ต้องสู้กัน ตนคิดว่ารัฐบาลมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีจังหวะขั้นตอนในการปฏิบัติทำให้สามารถผลักดันเรื่องต่าง ๆ ตามจังหวะที่วางไว้ได้

นายสุเทพ กล่าวถึงการดำเนินการหลายทางของรัฐบาลทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตั้งสภาปฏิรูปการเมือง ว่า
 
รัฐบาลหวังรวบอำนาจในการปกครองบ้านเมือง รวบอำนาจในการใช้เงินบริหารราชการ คุมระบบการปกครองทั้งหมด คือ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และจะลามไปถึงตุลาการ ซึ่งความจริงจะปรากฏและเห็นธาตุแท้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มากขึ้น ซึ่งตนไม่เชื่อว่าสภาปฏิรูปการเมืองจะเป็นทางออกของประเทศตามที่นายกรัฐมนตรีระบุ แต่จะเหมือนกับกฎหมายปรองดองที่รัฐบาลเสนอ ชื่อสวย หน้าตาดูดี แต่เนื้อในใช้ไม่ได้ ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะให้บ้านเมืองเดินหน้าในรูปแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง ซึ่งความจริงจะปรากฏในที่สุด ไม่ว่ารัฐบาลจะแต่งหน้า แต่งตาให้ดูดีอย่างไรก็ดีไม่ได้เพราะไม่ใช่ของจริง

เมื่อถามว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
 
อ้างว่าจะเป็นทางออกของประเทศในทางกลับกันจะกลายเป็นทางตันของประเทศหรือเปล่า นายสุเทพ กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาของประเทศที่จะพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะสองปีที่ผ่านมาไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย คณะกรรมการชุดต่าง ๆ ทั้งของนายอานันท์ ปันยารชุน และนายแพทย์ประเวศ วะสี ก็ศึกษาไว้หมดแต่รัฐบาลไม่เคยแสดงท่าทียอมรับที่จะแก้ไขพัฒนาเรื่องการเมือง แต่พอเห็นว่ามีมวลชนออกมาต่อต้านมาก มีประเด็นที่ล่อแหลมต่อการถูกคัดค้านจากประชาชนจึงเสนอแนวทางปฏิรูป ซึ่งตนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง และไม่เชื่อถือนางสาวยิ่งลักษณ์อีกต่อไป หลังจากให้โอกาสมาสองปีแล้วก็พบว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แตกต่างไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรให้ช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่มีความเปราะบางมากไม่ต้องเสียเลือดเนื้อเหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศอียิปต์

นายสุเทพ กล่าวว่า มีวิธีการสำหรับประชาชนที่จะแสดงพลังการเป็นเจ้าของประเทศโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง ตนเชื่อวิธีต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา เคารพกฎหมาย เชื่อว่าคนดีสามารถรวมพลังต่อสู้ได้โดยไม่ต้องทำร้ายประเทศให้เสียหาย แต่ตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ต่อต้าน เพราะรัฐบาลมาจากพวกที่ก่อจลาจล ก่อการร้ายในปี 2552-2553 แต่ตนเชื่อในพลังของมวลชนมากกว่า


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์