แฉ รมต.วัฒนา รับใต้โต๊ะ บ้านเอื้ออาทร

แฉ รมต.วัฒนา รับใต้โต๊ะ บ้านเอื้ออาทร

นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.


นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. และประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการบ้านเอื้ออาทร แถลงวานนี้ (19 มี.ค.) ภายหลังการประชุม คตส. ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตโครงการต่างๆในสมัยรัฐบาลชุดก่อน ว่า ที่ประชุม คตส.มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนและชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องโครงการบ้านเอื้ออาทร ประกอบด้วย

1. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149

2. นายมานะ วงศ์พิวัฒศ์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการบ้านเอื้ออาทร มีความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดพนักงานองค์กรของรัฐมาตรา 3 และ 11


บริษัทเครือข่ายโดนฟันด้วย


นายแก้วสรรกล่าวว่า

3. บริษัทพาสทิญ่าไทย จำกัด และกรรมการบริษัท คือนายศักดิ์สิทธิ์ หรือนายเดชวรชิต อลังการกุล นายชาฮ์นน บิน ยาขอบ นายฮาฮ์มัด บินฮารอน และนายโมฮ์ด ฮาณาเปียร์ บินอับดุล อาซิส ชาวมาเลเซีย ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และความผิดฐานให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดแก่พนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144


"เพรซิเด้นท์ อะกริ" มีเอี่ยวผิดฟอกเงิน

นายแก้วสรรกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะแยกส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปดูแล โดยมีผู้เกี่ยวข้องคือบริษัท เพรซิเด้นท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยมีนายอภิชาต จันทร์สกุลพร กระทำความผิดฐานฟอกเงิน ผิดมาตรา 3 และ 5 (1) นายสุจิต สวนโสกเชือก น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงานบริษัทเพรซิเด้นท์ฯ และนางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข กรรมการบริษัทเพรซิเด้นท์ฯ กระทำผิดฐานฟอกเงิน ปกปิดอำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน ตามมาตรา 3 และ 5 (2)

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใด คตส.ไม่ใช้อำนาจยึดทรัพย์ ไปเลย นายแก้วสรรตอบว่า ได้ประสานไปยัง ปปง. เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินการทางแพ่ง ติดตามเส้นทางการเดินของเงินที่เหลือ และให้ดำเนินการยึดทรัพย์


เปิดโปง "วัฒนา" รับใต้โต๊ะ


นายแก้วสรรกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ฒิฬนายวัฒนาเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการประมูลแบบเทิร์นคีย์ เหมาโควตาฒฝิฬ จากเดิมที่ทำการประมูลแบบจ้างเฉพาะเหมาะก่อสร้างเท่านั้น และผลักดันให้บริษัทพาสทิญ่าฯ ซึ่งไม่มีคุณสมบัติในการเข้าประมูล เพราะมีวงเงินจดทะเบียนเพียงแค่ 3 ล้านบาท แต่กลับแจ้งว่าจดทะเบียน 100 ล้านบาท ด้วยการข้ามขั้นตอนโดยการใช้อำนาจแต่งตั้งคนของตัวเองเข้าไปเป็นกรรมการกลั่นกรองโครงการ ทำให้บริษัทพาสทิญ่าฯผ่านเข้าไปรับโควตา 7 โครงการ รวม 7,500 ยูนิต

นายแก้วสรรกล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารที่ยึดและค้นจากบริษัทดังกล่าวพบว่ามีการฟอกเงิน โดยพยานที่เป็นคนของบริษัทพาสทิญ่าฯให้การยืนยันว่า มีการจ่ายเงินล่วงหน้า 470 ล้านบาท แต่พบว่ามีการแยกบัญชีจำนวน 82.5 ล้านบาท โดยระบุในบัญชีของบริษัทว่า เป็น "มันนี่ อันเดอร์ เทเบิล" หรือเงินใต้โต๊ะ โดยจากคำให้การของพนักงานบริษัทสารภาพว่าเป็นเงินนำส่งรัฐมนตรี โดยผ่านกระบวนการฟอกเงินผ่านบริษัทเพรซิเด้นท์ฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโควตาข้าว สมัยที่นายวัฒนาเป็น รมว.พาณิชย์


แฉเล่ห์กลเส้นทางเดินของเงิน


นายแก้วสรรกล่าวด้วยว่า การฟอกเงินแบ่งเป็น 2 สาย

สายแรก จ่ายเช็คเงินสดจำนวน 11 ฉบับ แยกเป็นฉบับละไม่ถึง 2 แสนบาท เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ปปง. เข้าบัญชีของนายสุจิตร สวนโสกเชือก คนขับรถของนายอภิชาต จันทร์สกุลพร ผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขารัตนาธิเบศร์ จำนวน 18.75 ล้านบาท

สายที่สอง ออกเช็คในนามธนาคารกรุงเทพ สาขาอโศก-ดินแดง จำนวน 63.85 ล้านบาท ให้กับ น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา แม่บ้านเสิร์ฟกาแฟของบริษัทเพรซิเดนท์ฯ และเงินจำนวน 63.85 ล้านบาทโอนให้กับ น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงานพิมพ์ดีด

จากนั้น เงินจำนวนทั้งหมดก็ไหลกลับเข้ามาสู่บริษัทเพรซิเดนท์ฯอีกครั้ง โดยมีเงินหายระหว่างทาง 18 ล้านบาท ทำให้ยอดเงินจ่ายใต้โต๊ะเหลือ 63 ล้านบาท รับรองว่าหลังจากเรื่องนี้เป็นข่าวไปแล้ว กลุ่มผู้เกี่ยวข้องจะต้องสู้กลับแน่นอน แต่ คตส.ไม่กลัว เพราะพยานหลักฐานเรื่องนี้นิ่งแล้ว มีทั้งเทปบันทึกปากคำพยานและข้อมูลทั้งหมด


พนักงาน กคช.-เอกชนจ่อคิวขึ้นเขียง


นายแก้วสรรกล่าวว่า นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการยังพบว่ามีความผิดปกติในโครงการบ้านเอื้ออาทรอีกจำนวน 46 คดี แบ่งเป็น

1. คดีพอกราคาที่ดินให้สูงขึ้นกว่าราคาจริงของ กคช. 1 คดี ย่านร่มเกล้า-บางพลี โดยพบว่า กคช.ทำพิเรนทร์คือ ขายที่ดินให้เอกชนแล้วซื้อกลับ ทำให้อิ่มไปทั้ง กคช.และเอกชน

2. คดีพอกราคาที่ดินเอกชน 3 คดี ทำให้ กคช.ต้องจ่ายเงินค่าที่ดินเพิ่มเท่าตัว จาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท จะมีพญานาคอยู่ด้วย

3. คดีปลอมแปลงเอกสาร แจ้งเท็จ 32 คดี เนื่องจากพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร ซื้อบัตรประชาชนมาทำเป็นใบจองซื้อบ้าน เนื่องจากเป็นที่ดินห่างไกลความเจริญ มีควายและตะกวดเดินอยู่ จึงไม่มีคนซื้อ แต่เมื่อไปตรวจกลับอ้างว่าทำลายใบจองทิ้งไปแล้ว

4. คดีแปลงโครงการโดยทุจริต 10 คดี เป็นการกระทำที่หน้าด้านมาก โดย คตส.จะพยายามทำให้เร็วที่สุด หากไม่ทันก็จะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ ยืนยันว่าจะไม่นำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขต่ออายุ คตส.แน่นอน


เผยรัฐสูญเงินเปล่า 400 ล้านบาท


นายแก้วสรรกล่าวอีกว่า ความเสียหายของโครงการ บ้านเอื้ออาทร พบว่า มีโควตาเลื่อนลอยสูงถึง 2.09 แสนหน่วย มีการจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้รับเหมาไปแล้ว 15% ทำเลโครงการรกร้างห่างไกลชุมชนกว่า 348 โครงการ ได้ลูกค้าไม่ครบ เพราะผู้จองปรากฏตัวจริงและทำสัญญาซื้อขายเพียง 1 ใน 3 ของจำนวนผู้จอง และเมื่อบ้านเสร็จแล้วธนาคารก็ไม่อนุมัติวงเงินกู้

เนื่องจากผู้จะซื้อมีประวัติทางการเงินไม่ดี ทำให้ กคช.ต้องซื้อบ้านคืนกลับ พบว่า 2 ปีที่ผ่านมา กคช.ต้องใช้เงินซื้อคืนถึง 400 ล้านบาท เป็นเหตุวิกฤติของบ้านเอื้ออาทรที่เปิดเทิร์นคีย์

แต่ไม่ได้ หมายความว่า คตส.จะเสนอให้ล้มโครงการบ้านเอื้ออาทร หากโครงการเดินหน้าไปได้ก็ให้ทำต่อเพื่อคนจน ดังนั้นรัฐมนตรีและบอร์ด กคช.ต้องรีบแก้ไข และขอชมเชยทุกฝ่ายที่ช่วยกันสนับสนุนเรื่องนี้



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์