ปูกินข้าวตราฉัตรโชว์ สร้างความปลอดภัย

นายกฯ รัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะเดินทางมายัง บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด (ข้าวตราฉัตร) จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ รองประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้การต้อนรับ พร้อมนำนายกฯ และคณะเยี่ยมชมท่าเรือขนส่งทางน้ำของกลุ่มบริษัท

ซึ่งเป็นท่าเรือที่ทันสมัยทันสมัยและเป็นผู้บุกเบิกรายแรกของประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเชียน ซึ่งกลุ่มบริษัทใช้กระจายสินค้าประเภทข้าวสารไปยังพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด

โดย นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ลงทุนโครงการโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวในพื้นที่ 270 ไร่ ริมแม่น้ำป่าสัก โดยข้าวที่ปรับปรุงจะทำการส่งออกถึง 80 % จึงมีความจำเป็นในการลดต้นทุน จึงได้ทำการพัฒนาท่าเรือและระบบการให้บริการ ICD หรือ Inland Container Depot ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าข้าวที่เตรียมส่งออก

โดยบรรทุกลงเรือในลำน้ำเพื่อนำไปขึ้นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง

ทั้งนี้ เรือ 1 ลำเทียบเท่ากับรถบรรทุก 65 คัน และการบรรทุกทางน้ำช่วยลดต้นทุนการขนส่ง พลังงาน ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่มีท่าเรือเอกชนมากถึง 64 แห่ง จึงมีศักยภาพสูงในการดำเนินยุทธศาสตร์การขนส่งทางน้ำ ทำให้สามารถเป็นส่วนต่อขยายของระบบโลจิสติกส์ในประเทศสู่ท่าเรือทะเล ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดและช่วยบรรเทาความแออัดของรถบรรทุกบนท้องถนนได้อีกด้วย

นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ​โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวนครหลวง เป็นโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย รับซื้อข้าวที่ผ่านการสีแล้วจากโรงสี

โดยมีระบบควบคุมที่มีมาตรฐานสูงสุด ทำให้ข้าวที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพสามารถส่งออกไปยังทั่วโลก มีห้องแลปสำหรับตรวจคุณภาพมาตรฐานข้าวรวมถึงห้อง Command Room

สำหรับตรวจสอบการทำงานภายในโรงงานและรวมถึงโรงงานในเครือผ่านระบบ Real Time Conference นอกจากนี้กระบวนการผลิตทั้งหมดได้รับมาตรฐานทั้ง ISO GMP HCCP รวมทั้งได้รับรางวัล อย. Quality Award 2013 แสดงถึงมาตรฐานการผลิตระดับสากล

ขณะที่ นายชรินทร์ อินทร์เมือง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรืออยุทธยาและไอซีดี จำกัด ได้กล่าวเสริมว่า

อยากให้รัฐบาลปรับปรุงให้จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นส่วนต่อขยายของท่าเรือทะเล และบำรุงรักษาร่องน้ำป่าสัก พัฒนาระบบสาระสนเทศเพื่อการเดินเรือในแม่น้ำ เป็นต้น

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

โดยจะเริ่มจากปลายน้ำว่ามีปัญหาขัดข้องประการใด และท่าเรือถือเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก

เพราะเป็นการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า และ จ.พระนครศรีอยุธยา ถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางน้ำ ที่สามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว รัฐบาลต้องการที่จะดูการเชื่อมโยงด้านการขนส่งทางน้ำ ซึ่งจะเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่ดี การที่มาเยี่ยมชมการดำเนินการของ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด (ข้าวตราฉัตร)

เพราะบริษัทแห่งนี้ทำครบวงจร ทั้งบรรจุข้าวถุง จนได้รับรางวัลหลายประเภท และในโอกาสนี้ขอให้กำลังใจผู้บริหารโรงงานข้าวตราฉัตร ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ

ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญของการขนส่งทางน้ำ โดยแม่น่ำป่าสักสามารถขนส่งสินค้า 27 ล้านตันต่อปี แม่น้ำเจ้าพระยา 50 ล้านตันต่อปี สำหรับแม่น้ำป่าสักที่ผ่านมามีการทำตลิ่งกั้นแม่น้ำตลอดแนวเพื่อเพิ่มศัดยภาพการขนส่งทางน้ำ นอกจากนี้ได้สร้างรถไฟรางคู่เชื่อมโยงอำเภอภาชีถึงอำเภอนครหลวง ขณะเดียวกันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2ล้านล้านบาท ก็จะช่วยพัฒนาพื้นที่นี้ด้วย

ส่วนข้อเสนอที่ให้พัฒนาอยุธยาเป็นส่วนต่อขยายของท่าเรือทะเลนั้น รัฐบาลเห็นด้วยเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่ต้องหารือกับสุลกากร เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษี

จากนั้น นายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการข้าวของ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ที่มีขนาด 1,400 ตารางเมตร สามารถวิเคราะห์คุณภาพได้ทั้งทางกายภาพ เคมี และทางประสาทสัมผัส ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย

นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจสอบสารปนเปื้อนจากสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงและสารพิษจากเชื้อรา ด้วยชุดทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าข้าวทุกถุงปลอดภัยต่อการบริโภค

ทั้งนี้ระหว่างการเยี่ยมชม นายกฯ พร้อมนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ และน.พ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ได้โชว์การรับประทานข้าวหอมมะลิตราฉัตรของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณภาพความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต หลังจากมีกระแสข่าวสารปนเปื้อนจนเกิดผลกระทบ