เต้นชี้คลิปแม้ว-บิ๊กอ๊อดเรื่องเก่า เชื่อบ้านเมืองไม่เสียหาย

 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเสียงคล้ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สนทนากับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ว่า

ในทางเทคนิคตนไม่มีความเชี่ยวชาญ จะไปสรุปว่าคลิปเสียงนี้อัดที่ไหน อัดโดยใคร ตัดต่อหรือไม่ ตนเองคงไปฟันธงอย่างนั้นไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องว่ากันต่อไป แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่าตลอดการสนทนาเป็นเสียงการพูดคุยของคนสองคน ไม่น่าจะมีบุคคลที่สามที่สี่อยู่ในละแวกนั้นหรือถ้ามีก็คงไม่มาก ดังนั้นถ้าหากเป็นสองคนที่ถูกกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณกับพล.อ.ยุทธศักดิ์คุยกัน ตนก็ไม่เห็นเหตุผลว่าทั้งคู่จะอัดคลิปที่ตนเองสนทนากันทำไม หรือถ้าหากมีบุคคลที่สามที่สี่อยู่ในนั้น และแอบบันทึกเสียงแล้วนำมาเผยแพร่ก็น่าจะรู้เป็นการภายในแล้วว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งตนคิดว่าจะหาคนที่กล้าหาญชาญชัยไปอัดคลิปการสนทนาก็คงไม่ง่าย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเนื้อหาสาระส่วนตัวฟังแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรใหม่ หรือมีอะไรที่น่าหวาดกลัวตกใจถึงขนาดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูด
เพราะส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วๆไป ประเด็นที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ บอกว่าเป็นความลับมีคนรู้กันไม่กี่คน และเชื่อว่าคนพูดจะต้องเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นแน่ ตนคิดว่าร.ต.อ.ปุระชัยควรทบทวนใหม่ ในประเทศนี้เหตุการณ์ผ่านมาเป็น 10 ปีไม่มีอะไรลับ แล้ว เรื่องที่มีคนอ้างว่าฟังคลิปแล้วเห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยากกลับบ้านใจแทบขาด เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเขารู้กันทั่วโลกว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยากกลับบ้าน เพราะเป็นผู้ถูกกระทำทางการเมือง อยากกลับมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ดังนั้นโดยที่มาส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครมีเจตนาไปอัดกันขนาดนี้ได้ โดยเนื้อหาสาระก็ไม่มีประเด็นใหม่ หรือน่าตกใจอย่างที่ผู้นำฝ่ายค้านพยายามขยายประเด็น สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ

หลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติมา ประเทศนี้เต็มไปด้วยคลิปมั่วไปหมด ทั้งคลิปเสียง คลิปภาพ คลิปภาพพร้อมเสียง และที่ถูกกล่าวว่าอยู่ในคลิปก็บอกว่าตัดต่อ เช่น คลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ หรือคลิปตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็บอกว่าตัดต่อ แต่พอคลิปนี้กลับมาคาดคั้นเอาเป็นเอาตายจะให้รับให้ได้ว่าเป็นคลิปจริง เป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งในสถานการณ์การเมืองที่ค่อนข้างซับซ้อน ละเอียดอ่อน

ในขณะนี้ ตนก็เห็นว่าไม่น่ามีประเด็นขยายต่อ ยกเว้นว่ามีคนอ้างว่าเสียหายหรือได้รับผลกระทบโดยตรงก็ว่ากันไป

“มันเป็นการสนทนากันจริงหรือเปล่า ประเด็นนี้ยังไม่ชัดเจนส่วนวิธีการว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับบ้านอย่างไรไม่ใช่เพื่อไทยพูดฝ่ายเดียว ฝ่ายค้านฝ่ายต่อต้านก็พูด ดังนั้นจะจับประเด็นหนึ่งประเด็นใดแล้วไปผูกมัดว่าเป็นวิธีการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งใจหรือวางแผนเช่นนั้น ก็ไม่เป็นธรรมกับพ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องอยากกลับบ้านก็อยากกลับ แต่เรื่องวิธีการไม่ใช่เรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณจะนั่งทำเอาคนเดียวได้ เพราะมันต้องขึ้นอยู่กับส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ดำเนินการอย่างไร”นายณัฐวุฒิกล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบให้ชัดเจนหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ใครจะเอาไปตรวจสอบอย่างไรก็ว่ากันไป สำหรับตนไม่ตกอกตกใจ ดีไม่ดีวันนี้ พรุ่งนี้ อาจจะมีคลิปนั่นคลิปนี่ออกมาอีก เมื่อถามว่า กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยว่าการปล่อยคลิปจะเป็นการปลุกกระแสการปฎิวัติหรือ ไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเนื้อหาตรงไหนในคลิปที่จะอธิบายเลยเถิดไปถึงขั้นว่ากำลังจะมี การรัฐประหารได้

ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดในคลิปเมื่อเจ้าตัวเขายืนยันว่าไม่ได้มีการสนทนากันเช่น นั้น และถ้าวิเคราะห์กับเหตุผลสองคนคุยกันท่านคิดว่าใครจะเป็นคนอัดคลิป แล้วถ้าอัดคลิปแล้วจะเอามาปล่อยด้วยเจตนาอะไร ตนก็ยังสงสัยเรื่องพวกนี้อยู่ แต่ถ้าหากคนหนึ่งคนใด กลุ่มใดจะเอาไปตรวจสอบทางเทคนิคก็เป็นเรื่องที่ทำได้ ผลเป็นอย่างไรก็ออกมาแถลงข่าวให้ทราบ

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อรัฐบาล ควรจะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้ามาตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า

ส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลคือหากเสียงหนึ่งในนั้นเป็นเสียงพล.อ.ยุทธศักดิ์ แต่เมื่อพล.อ.ยุทธศักดิ์ยืนยันว่าไม่ได้มีบทสนทนาเช่นนั้น อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรเคารพและให้เกียรติในความเป็นพล.อ.ยุทธศักดิ์ อยู่เหมือนกัน ส่วนถ้าใครจะสงสัยอย่างไรเพิ่มก็มีสิทธิ์ที่จะไปยื่นให้หน่วยงานต่างๆที่รับ ผิดชอบ มีเครื่องมือ และความเชี่ยวชาญดำเนินการตรวจสอบก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ เมื่อถามว่า รัฐบาลจะตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ ว่าจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงต่อรัฐบาล

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมก็ยืนยันว่าคลิปที่ออกมานั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานระหว่างรัฐบาลกับกองทัพแต่อย่างใด เกือบสองปีที่ผ่านมาสัมพันธภาพและบรรยากาศการร่วมงานกันระหว่างรัฐบาลและกอง ทัพก็เป็นไปได้ด้วยดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นตัวตนของนายกฯที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อ มั่นจากผู้นำกองทัพ ที่สังเกตเห็นจากหลายๆภารกิจอย่างชัดเจน ดังนั้นสิ่งที่ปรากฏออกมาและวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ถ้ามิติทางการเมืองก็พูดกันได้ แต่คงไม่เลยเถิดไปถึงเรื่องความมั่นคง หรือไม่เลยเถิดไปถึงเรื่องความปริร้าวระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ อันนั้นจินตนาการมากกันไปหน่อย