สั่งฟ้องอาญาโทษสูงสุดคุก14ปี อ้อ-พี่ชาย เลี่ยงภาษี

อสส.แจ้งคตส.ขอตัวใน10วัน


ขู่ตุกติกเจอจับทนายแม้วข้องใจอัยการทำเร็ว-ลั่นสู้คดี3ศาล อ้างบริจาคการกุศลจะโกงทำไมแค่ไม่กี่100ล



เมื่อเวลา13.30 น. วันที่ 14 มีนาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง


นายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องคุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา แล้วในความผิดฐานร่วมกันหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีอากรโดยความเท็จ โดยฉ้อโกง และโดยอุบาย ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37(2) และร่วมกันจงใจแสดงข้อความหรือตอบคำถามด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีหุ้นตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37(1) และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และ 83

นายอรรถพล กล่าวว่า


หลังจากนี้สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ไปยัง คตส.เพื่อให้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 มาส่งอัยการภายใน 10 วัน เพื่ออัยการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งขณะนี้ได้ร่างคำฟ้องไว้แล้ว 13 หน้า แต่หากไม่สามารถนำตัวมาได้ก็จะมีการออกหมายเรียก และออกหมายจับกุมต่อไป(อ่านรายละเอียดหน้า2)

นอกจากนี้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังกล่าวถึง


การสั่วงคดีนายศิโรตม์ สวัสดิพานิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กับพวกร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีไม่เรียกเก็บภาษีคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ในการโอนหุ้นดังกล่าวด้วยว่า คณะทำงานฝ่ายคดีพิเศษ อสส.เจ้าของสำนวนคดีมีความเห็นสั่งฟ้องตามคตส. ซึ่งคาดว่าจะสามารถสั่งคดีได้ภายในเดือนเมษายนนี้ เช่น้ดียวกับคดีที่นายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดที่ดินในเขตอ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี

ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.


ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการเลี่ยงภาษีของนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า คตส.ต้องรอหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุดแจ้งมาอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นจะส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนให้เดินทางไปพบกับอัยการตามวันและเวลาที่อัยการกำหนด โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาพบคตส.และคตส.ก็ไม่จำเป็นต้องพาทั้งสามคนไปส่งฟ้องศาล

เมื่อถามว่าถ้าผู้กล่าวหาทั้งสามไม่ไปพบอัยการจะทำอย่างไร


นายสักกล่าวว่าต้องพิจารณาว่าถ้าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเรียกตัวก็อาจส่งให้ศาลออกหมายจับ

เมื่อถามย้ำอีกว่าถ้าบางคนอ้างว่าอยู่ต่างประเทศจะทำอย่างไร

นายสักกล่าวว่ากรณีที่ไม่มีการติดต่อกลับมายังคตส.หรืออัยการภายในเวลาที่กำหนดก็คงต้องให้ตำรวจเป็นผู้นำตัวมา ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้เจ้าตัวต้องมาเองจะส่งทนายไปแทนไม่ได้ เนื่องจากเป็นการส่งตัวฟ้องศาล

ขณะที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายตระกูลชินวัตร


แสดงความข้องใจการพิจารณาสั่งฟ้องคดีของอัยการสูงสุด ว่าทำไมพิจารณาด้วยความรวดเร็วเป็นพิเศษ แต่ตนไม่ได้ว่าอัยการถูกแทรกแซง อย่างไรก็ตามการสั่งฟ้องยังไม่ได้หมายความว่าทั้งคู่ทำผิด

ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมทีมทนายไว้แล้วโดยจะสู้คดีถึง 3 ศาล

โดยยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนไม่มีเจตนาเลี่ยงภาษี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าตระกูลชินวัตรได้บริจาคเงินพัฒนาสังคมและสาธารณกุศลเป็นจำนวนมาก แล้วจะมีเจตนาเลี่ยงภาษีเพียงไม่กี่ร้อยล้านบาททำไม ส่วนขั้นตอนการส่งฟ้องถ้ากฏหมายบังคับให้ต้องไปด้วยตัวเองก็คงต้องทำตามกฏหมาย

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการทุจริตในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 โดยได้ให้นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มาชี้แจงข้อกล่าวหา

แหล่งข่าวจากคตส.เปิดเผยว่า


ในการชี้แจง นายสุเทพให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมอบข้อมูลเกี่ยวกับวาระการประชุมบอร์ดการบินไทย ที่อนุกรรมการไต่สวนไม่มีทำให้ทราบความชัดเจนมากขึ้นว่าในการประชุมเป็นอย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่อนุกรรมการมีอยู่ ซึ่งนายสุเทพคงรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ลงมติ

เนื่องจากการประชุมในครั้งนั้นไม่มีวาระการประชุม


โดยปกติจะมีการแจ้งวาระการประชุมก่อนล่วงหน้า 7-10 วันเพื่อให้บอร์ดแต่ละคนได้พิจารณา โดยนายสุเทพ ระบุว่าการประชุมนัดนี้เป็นครั้งแรกที่มีการนัดผ่านทางโทรศัพท์ โดยนัดเช้าประชุมบอร์ดช่วงบ่าย และได้มีการแจกวาระทันทีในห้องประชุม

รายงานข่าวแจ้งว่า


สำหรับความคืบหน้าการแจ้งรายชื่ออนุกรรมการไต่สวนให้ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นบริษัทต่างประเทศนั้น ขณะนี้ บริษัทควอโตเทต ของสหรัฐอเมริกา ได้ตอบรับหนังสือกลับมาแล้ว เหลือเพียงเฉพาะบริษัทที่ถูกกล่าวหาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 6 ราย ซึ่งหนังสือได้ถูกตีกลับมาจำนวน 4 ราย ที่เหลืออีก 2 รายอยู่ในระหว่างการรอผล คาดว่าอาจจะถูกตีกลับเช่นกัน ทั้งนี้อนุกรรมการตั้งข้อสังเกตว่าทั้ง 6 บริษัทน่าจะเป็นบริษัทกำมะลอหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า บริษท่าอากาศยานสากล กรุงเทพ แห่งใหม่ (บทม.) จะถูกหลอก

อนุกรรมการอยากทราบว่าใครเป็นผู้แนะนำบริษัทเหล่านี้ให้กับ บทม.


จึงได้ตั้งข้อสงสัยว่าถ้าบริษัทเหล่านี้มั่นคงจริงทำไมหนังสือจึงถูกตีกลับ ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าวทำสัญญาซื้อขายกับ บทม.วงเงินกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท แต่กลับไม่มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง แหล่งข่าวจากคตส.กล่าว มีรายงานด้วยว่า อนุกรรมการไต่สวนเตรียมขอความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานกับสถานทูตไทย ประจำประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวมีจริงหรือไม่

มีรายงานข่าวจากคตส.ด้วยว่าในวันที่ 15 มีนาคมนี้


กรรมการคตส.4 คนจะไปพบกับแกนนำคมช.เพื่อร่วมกันรับประทานอาหารกลางวันกันโดยคาดว่าจะมีการหารือกันถึงเรื่องความคืบหน้าการทำงานของคตส.ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาก่อนที่คมช.จะมีการแถลงผลงานการทำรัฐประหารครบรอบ 6 เดือนในวันที่ 20 มีนาคมนี้

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส.


กล่าวว่าคตส.จะมีการหารือในวันที่ 19 มีนาคม ว่าจะส่งใครไปร่วมแถลงข่าวกับคมช. แค่คาดว่าอาจจะเป็นนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์