สัก โต้ทักษิณขุดเรื่องเก่าโจมตี เลี่ยงภาษี แย่กว่า

´สัก´โต้ทักษิณขุดเรื่องเก่าโจมตี´เลี่ยงภาษี´แย่กว่า


เว็ปต์ไซต์ทักษิณขุดเรื่องโจมตีสัก กอแสงเรือง และ"คตส." ระบุคนดีที่คิดโกงชาติ แต่ถูก"สัก" ตอบโต้ว่าทำตามศาลพิพากษา ท้าคนปฏิบัติตามกฏหมายกับคนเลี่ยงภาษี"ใครแย่กว่ากัน"

ผู้สื่อข่าวรายงานในเว็บไซต์ www.hi-thaksin.net ได้มีการเสนอข้อมูลโจมตีการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)

โดยในเว็บไซต์ได้มีลงบทความโจมตีการทำงานของคตส. ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่คตส.ไม่กล่าวโทษบริษัทซีพีในโครงการทุจริตกล้ายาง พร้อมทั้งมีบทความเรื่อง "สัก กอแสงเรือง คนดีที่เคยคิดโกงชาติ"


ทั้งนี้ในบทความดังกล่าวได้มีการระบุว่านายสัก กอแสงเรือง คตส. เคยใช้อาชีพทนายความ


ในการกระทำการอันมีพฤติการณ์ที่หลีกเลี่ยงภาษี และโกงภาษี โดยพฤติกรรมดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อปี 2522 และถูกเจ้าพนักงานประเมิน ของกรมสรรพากร ตรวจสอบพบเมื่อปี 2527

โดยในปี 2520 นายสัก กอแสงเรือง ซึ่งขณะนั้นมีอาชีพทนายความ ได้ซื้อที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถนนจรัลสนิทวงศ์ เพื่อปลูกสร้างอาคาร 4 ชั้น 4 คูหา และ 3 ชั้น 1 คูหา และได้ว่าจ้างผู้รับเหมาในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว

หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4 ชั้น จำนวน 2 คูหา ให้แก่นางสุดใจ เอี่ยมเจริญ เป็นเงิน 1,200,000 บาท และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2522 นายสัก กอแสงเรือง ได้ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 9 เสียภาษีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) จำนวน 85,700 บาท และต่อมาในเดือนเมษายน 2522 ได้นำเงินที่ได้จากการขายที่ดินพร้อมอาคาร 2 คูหา ไปขอยกเว้นภาษี

จากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมิน ได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้สำหรับปี 2521 ของนายสัก กอแสงเรือง ซึ่งปรากฏว่าในปี 2521 นายสัก กอแสงเรือง ได้ขายที่ดินให้แก่นางสุดใจ เอี่ยมเจริญ เป็นเงิน 1,200,000 บาท แต่ในการยื่นเอกสารหมาย จล.88-จล.90 นายสัก กอแสงเรือง กลับมิได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


แต่ต่อมานายสัก กอแสงเรือง ได้ยื่นแบบภ.ง.ด.9 เพิ่มเติม


โดยนำเงินที่ได้จากการขายที่ดินมาขอยกเว้นตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร กล่าวคือ จากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมิน พบว่า ในปี 2520 นายสัก กอแสงเรือง ได้ซื้อที่ดินจากผู้อื่นแล้วปลูกสร้างอคารบนที่ดินดังกล่าวรวม 5 คูหา แล้วได้แบ่งขายไปพร้อมกับที่ดินรวม 2 คูหา ให้แก่นางสุดใจ เอี่ยมเจริญ เป็นเงิน 1,200,000 บาท

โดยอ้างว่าเป็นหนี้นางสุดใจ เอี่ยมเจริญ จึงจำเป็นต้องขาย แต่กลับไม่มีหลักฐานมาแสดง การขายที่ดินพร้อมอาคาร จึงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งประโยชน์ทางการค้าหรือกำไร ซึ่งไม่ได้รับการยกเว้น นายสัก กอแสงเรือง จึงมีหน้าที่ต้องนำรายรับที่ได้จากการขายไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีการค้า

ดังนั้น เมื่อนายสัก กอแสงเรือง ไม่ไปเสียภาษี จึงต้องรับผิดในการเสียภาษีดังกล่าว รวมทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามกฎหมาย

ขณะที่นายสัก ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว และได้ทำตามกฎหมายอย่างถูกต้อง เพราะสมัยนั้นตนสร้างตึกแถวย่านปิ่นเกล้า เพื่อทำเป็นออฟฟิซ และติดหนี้สินธนาคาร


ต่อมาจึงได้ขายตึกแถวสองคูหาให้กับนางสุดใจ เอี่ยมเจริญ เพื่อล้างหนี้


ซึ่งตามความเห็นของตนคิดว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรได้ประเมินภาษีเกิน เนื่องจากตนไม่ได้สร้างตึกแถวไว้ขาย แต่เป็นการขายเพื่อใช้หนี้ จึงไม่จำเป็นต้องเสียภาษีการค้า

"ผมก็ได้ต่อสู้ในชั้นศาล สุดท้ายเมื่อศาลฎีกาตัดสินออกมาผมก็ปฏิบัติตาม หากอ่านคำพิพากษาดีๆก็จะรู้รายละเอียดว่าใครผิดใครถูก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงมีคำพิพากษายืนยัน

ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ปิดบัง ซึ่งผมก็ได้ปฏิบัติ และเรื่องนี้เป็นมุมมองของกฎหมายที่มองต่างกัน ทำไมถึงพึ่งหยิบมาเล่นมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่" นายสัก ระบุ

อย่างไรก็ตาม นายสัก ย้ำว่า การตกเป็นเป้าการเมืองครั้งนี้ คงไม่กระทบกำลังใจในการทำงาน หากเขาเอากรณีตนมาเทียบกับการซื้อขายหุ้นโดยไม่เสียภาษีเลยนั้น อยากถามว่าตนปฎิบัติตามกฎหมายแบบนี้ตนเลวหรือไม่ กับผู้ที่หลบเลี่ยงภาษีแบบนี้ใครแย่กว่ากัน



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์