27 เม.ย.56 นายอนุสรณ์ แถลงถึงความคืบหน้าการร่างจดหมายเปิดผนึกเพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้หนังสือเปิดผนึกเพื่อปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอตรวจความเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ คาดว่าจะส่งได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยในวันที่ 30 เม.ย.นี้ จะมีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย จะได้นำร่างดังกล่าวมาถกในที่ประชุม สส.ก่อน

นายอนุสรณ์กล่าวว่า คาดว่าในวันที่ 1-2 พ.ค.จะยื่นจดหมายดังกล่าวได้ ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือจะเป็นการยืนยันทางกฎหมายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจที่ฝ่ายนิติบัญญัติทำได้ รวมถึงยืนยันหลักการแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ พร้อมยกเหตุผลประกอบและเอกสารอ้างอิงเพื่อชี้แจงทั้งศาลรัฐธรรมนูญและประชาชนด้วย ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่การก้าวล่วงอำนาจศาลหรือต้องการสร้างความขัดแย้งกับศาลไปจนถึงต้องการล้มล้างองค์กรอิสระตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา แต่เราจะยืนยันกับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ เพราะขัดกับการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการถ่วงดุลอำนาจเท่านั้น

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าในการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้มี สส.รัฐบาลมาลงชื่อแล้ว 100 กว่าคน ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะการยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้เสียงเพียง 1 ใน 4 ของสมาชิกรัฐสภาเท่านั้น แต่กรณีนี้ สว.จะไม่เข้าชื่อร่วมถอดถอนด้วย เพราะ สว.ต้องทำหน้าที่พิจารณาถอดถอนในขั้นตอนสุดท้าย หาก ปปช.ส่งเรื่องมาให้ดำเนินการ โดยต้องใช้เสียง สว. 3 ใน 5 หรือ 90 เสียงในการถอดถอน แต่เราไม่ได้หวังถึงจุดนั้น แค่หวังแสดงจุดยืน แสดงท่าทีว่าไม่เห็นด้วยกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญก้าวก่ายอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น ส่วนการยื่นถอดถอนนั้น จะถอดถอนเฉพาะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 3 คนที่รับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้พิจารณา

"ส่วนจะยื่นถอดถอนเมื่อใดนั้นขอดูท่าทีจากศาลรัฐธรรมนูญภายหลังจากที่ 312 สส.-สว.ยื่นจดหมายเปิดผนึกปฏิเสธอำนาจศาลแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้ายังคงนิ่งเฉยและดำเนินการวินิจฉัยต่อไปก็ต้องยื่นถอดถอน"นายอนุสรณ์ กล่าว

ปัด"ทักษิณ"ไม่เอี่ยวชุมนุมหน้าศาลรธน.

นายอนุสรณ์ แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พาดพิงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวโยงกับการชุมนุมของ นปช.บางส่วนที่ด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญเพราะต้องการทำลายองค์กรอิสระว่า ไม่เป็นความจริง คนที่ไปชุมนุมมีประมาณ 100-200 คน หากเราจัดตั้งจริงคนจะมาเป็นหมื่นเป็นแสน ต้องยอมรับว่ามีประชาชนไม่น้อยที่คลางแคลงใจศาลรัฐธรรมนูญจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น ตัดสินให้การทำกับข้าวเป็นความผิด บังคับใช้กฎหมายที่มาจากคำสั่งคณะรัฐประหารลงโทษย้อนหลัง การชุมนุมอย่างสงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ สามารถกระทำได้ แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ เพราะเราเองก็ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ คงไม่มีใครกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้

"เท่าที่ทราบอีก 2-3 วันก็น่าจะยุติการชุมนุมแล้ว แต่ท่าทีของทั้งสองฝ่ายอาจมีส่วนทำให้มีการยกระดับได้ จากกรรมการชกนักมวยมาเป็นกรรมการชกกองเชียร์แล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงมีหลากหลายซึ่งเป็นผลจากความไม่เป็นธรรม ซึ่งต่างก็ได้ถอยให้กับความอยุติธรรมมามากพอแล้ว ส่วนตัวแล้วเห็นว่าไม่ควรปิดกั้น ควรเปิดพื้นที่ให้คนเหล่านั้นแสดงออกตราบเท่าที่การชุมนุมไม่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งการชุมนุมนอกรั้วศาลรัฐธรรมนูญน่าจะทำได้ ไม่ใช่การเดินคู่ขนาน พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในวิถีทางรัฐสภา"นายอนุสรณ์ กล่าว

อัดการเมืองวุ่นวาย เพราะตามใจอภิสิทธิ์ชนไม่ถูก

นายอนุสรณ์ แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ออกจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าไม่เป็นกลางและทำผิดข้อบังคับว่า ไม่มีน้ำหนัก เนื่องจากการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 1 ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เรียกร้องให้นายสมศักดิ์ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทน นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็เห็นว่า นายสมศักดิ์มีความเป็นกลาง ยืนยันว่า นายสมศักดิ์ไม่เคยร่วมประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อพิจารณากรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่อย่างใด เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ประธานสภาฯต้องวางตัวเป็นกลาง ซึ่งเป็นผลให้นายสมศักดิ์ไม่สามารถร่วมประชุมกับพรรคได้ โดยตั้งแต่รับตำแหน่งประธานสภาฯ มานายสมศักดิ์ก็ไม่เข้าประชุมพรรคแม้แต่ครั้งเดียว

"ส่วนนายสมศักดิ์จะยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในนามส่วนตัวหรือไม่นั้นเป็นสิทธิ์ส่วนตัว แต่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการตามใจอภิสิทธิ์ชนไม่ถูก วันหนึ่งบอกว่าทำหน้าที่ดี วันดีคืนดีร้องถอดถอน หรือในอดีตบอกว่ารัฐธรรมนูญแก้แบบรายมาตราได้ วันนี้แก้ไม่ได้ ไม่มีหลักประกันอะไรทั้งนั้น ในสังคมอภิสิทธิ์ชน"นายอนุสรณ์ กล่าว

เสื้อแดงบุกกองปราบขอดูหลักฐานศาล รธน.แจ้งจับ

เมื่อเวลา 14.50 น. กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้มีประชาชนในนามกลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 50 คน นำโดย นายชาญ ไชยะ และนายอรรถสิทธิ์ ทองอร่าม ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. และพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและขอตรวจสอบเอกสาร กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งความดำเนินดดีกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ขึ้นปราศรัย จำนวน 4 คน โดยกล่าวหาว่า มีการปราศรัยพาดพิงถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ได้รับความเสียหาย ซึ่ง พ.ต.อ.ประสพโชค แจ้งว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมาแจ้งความจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้ ประชาชนกลุ่มดังกล่าวจึงเดินทางกลับไป โดยแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่า จะขอกลับไปรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะกลับมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ตำรวจ บก.ป.ได้ประสานขอกำลังตำรวจจาก สน.พหลโยธิน จำนวนหนึ่งมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าพบพนักงานสอบสวนจนกระทั่งเดินทางกลับออกไปก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย