จาตุรนต์ โวยไม่รู้เห็นแต่รับกรรม

ในการพิจารณา คดียุบพรรค ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้ (6 มี.ค.) คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย เป็นนัดที่ 8 ซึ่งเป็นการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องคือพรรคไทยรักไทยเป็นครั้งแรก

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรค

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองหัวหน้าพรรค และ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รักษาการรองเลขาธิการพรรค

แต่มีพยานมาให้การทั้งหมด 3 ปาก ขาด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังอยู่ต่างประเทศ

ตอนเป็นรองหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ไม่เคยรับทราบพฤติกรรมหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง การประชุมกรรมการบริหารพรรคไม่เคยมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไม่เคยรับรู้มาตั้งแต่ต้น และไม่เคยคิดอยากจะทราบข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นอย่างไร คณะตุลาการฯจึงควรคิดว่าเป็นความยุติธรรมหรือไม่ ที่คนไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องถูกสั่งให้เว้นวรรคทางการเมืองตามประกาศ คปค.ไปด้วย

ระเบียบของพรรคกำหนดให้อำนาจในการสั่งจ่ายเงินอยู่ที่เหรัญญิกพรรค และต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อรับรองการใช้จ่ายเงิน ทั้ง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงินทั้งสิ้น

ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการฯ ผู้ทำหน้าที่ไต่สวนคดี ได้แจ้งต่อคู่กรณีว่าขอให้เลื่อนการไต่สวนพยานของผู้ถูกร้องในนัดสุดท้าย จากวันที่ 17 เม.ย. มาเป็นวันที่ 12 เม.ย. เพราะการไต่สวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จะเสร็จสิ้นในวันที่ 5 เม.ย.นี้ เพื่อให้คู่กรณีแถลงปิดคดีได้เร็วขึ้น

ตุลาการฯพิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้การเป็นเอกสารแล้วโดยปฏิเสธทุกประเด็น จึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะเรียกมาสอบอีก และฝ่ายผู้ร้องสามารถสืบหาข้อเท็จจริงจากพยานปากอื่นได้ จึงไม่จำเป็นต้องเรียก พ.ต.ท.ทักษิณมาให้การอีก

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ