สดศรี ยันลาออกแน่! หาก ส.ส.ร.ทำประชาพิจารณ์เอง

เลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างหลักเกณฑ์วิธีการออกเสียงประชามติ และการออกเสียงประชามติของ ส.ส.ร. ยังคงยืนยันจะลาออกจากการเป็น ส.ส.ร. หากกรรมาธิการแปรญัตติส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายไพโรจน์ พรหมสาส์น ที่จะให้ ส.ส.ร.เป็นผู้ดำเนินการทำประชามติแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พร้อมระบุ หาก ส.ส.ร.ทำ ก็ควรมีกฎหมายลงโทษ หาก ส.ส.ร.ดำเนินการผิดพลาด ทั้งนี้ ในวันที่ 8 มีนาคม จะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าร่วมรับฟังการแปรญัตติของ นายไพโรจน์ ในเรื่องดังกล่าวด้วย

เข้าชี้แจงในการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการล็อบบี้เพื่อนสมาชิกถึง 40 คน อย่างที่มีกระแสข่าว และยืนยันว่า ข้อเสนอของตน ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะให้ ส.ส.ร.เป็นผู้ดำเนินการแทน กกต

กล่าวถึงกรณีที่นางสดศรี ออกมาระบุว่า หากมีการแปรญัตติร่างประกาศหลักเกณฑ์วิธีการออกเสียงประชามติให้องค์กรท้องถิ่นจัดทำแทนคณะกรรมการการเลือกตั้งตนจะลาออกจากตำแหน่ง ว่า เรื่องดังกล่าวคงไม่ถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ดีในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนสามารถมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ ประเด็นนี้ต้องรอดูความเห็นของคณะกรรมาธิการก่อน

เรื่องข้อถกเถียงการจัดทำประชามติว่า กกต. หรือ ส.ส.ร. จะเป็นผู้ดำเนินการ และการลงประชามติจะลับหรือเปิดเผยนั้น เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร.ที่จะต้องพิจารณา ซึ่งในส่วนของกรรมาธิการฯ คงต้องรับฟังข้อมูลและเหตุผลของทั้ง 2 ฝ่าย และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งในการทำงานของ ส.ส.ร. เพราะเป็นเพียงความเห็นที่แตกต่าง และจากการพูดคุยกับนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งและกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติ

รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1 ใน 5 ของผู้ลงชื่อรับรองการเสนอญัตติ กล่าวว่า การร่วมลงชื่อเป็นเพียงการรับรอง การเสนอญัตติของเพื่อนสมาชิกไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วย

การออกเสียงประชามติควรเป็นการลงคะแนนลับ โดยจะต้องรอดูความชัดเจนการแปรญัตติของคณะกรรมาธิการยกร่างหลักเกณฑ์ในการออกเสียงประชามติในการทำประชามติก่อน ส่วนกรณีที่นางสดศรีออกมาแสดงความรู้สึกดังกล่าวนั้น คงเป็นเพียงการแสดงความรู้สึกที่ไม่เห็นด้วย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์