ผบ.เหล่าทัพประสานเสียงประกาศภาวะฉุกเฉินยังไม่จำเป็น

ผบ.เหล่าทัพประสานเสียงประกาศภาวะฉุกเฉินยังไม่จำเป็น

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2549 19:13 น.

ผบ.เหล่าทัพ ประสานเสียงประกาศภาวะฉุกเฉินยังไม่จำเป็น เชื่อ สนธิ-จำลอง ต้องการสันติไม่มุ่งความรุนแรง แต่ต้องรอดูข้อเรียกร้องพันธมิตรฯ คืนนี้ แต่ห่วงม็อบชนม็อบมากกว่า ด้าน ผบ.ทบ.เผย ทักษิณ เรียกพบให้ไปติดตามข่าวลือ แต่ไม่ยักบอกว่า ลือ เรื่องอะไร

วันนี้ (23 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 09.00 น. มีการประชุมสภากลาโหมโดย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ร่วมด้วย พล.อ.สิริชัย ธัญญศิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ในการพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มี.ค.นั้น ท่านนายกฯ ไม่ได้มีอะไรที่สำคัญ ไปนั่งอยู่ประมาณ 10 นาที เพียงแต่ท่านห่วงเรื่องข่าวลือต่างๆ ก็ให้ตนไปตรวจสอบว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาลือกันมา

เมื่อถามว่า ข่าวลือที่ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องสถาบันการเมือง หรือความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ข่าวลือมันจะนำไปสู่ความแตกแยกความขัดแย้งของคนในชาติ ก็เลยให้ผมที่มีส่วนรู้จักกับคนค่อนข้างมากให้ไปดูว่ามันเป็นอย่างไร ก็รับอาสาท่านไปว่าจะไปติดตามตรงประเด็นนี้ให้ พล.อ.สนธิ กล่าว และปฏิเสธที่จะบอกว่าเป็นข่าวลืออะไร อันนี้ขออนุญาตที่จะสงวนไว้ก่อน

ผู้สื่อข่าวซักว่า ที่นายกฯ ห่วงเรื่องข่าวลือ เพราะเกรงว่าข่าวลือจะทำให้เกิดความวุ่นวายในอนาคตใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่าเรื่องกระบวนการข่าวของกองทัพเองก็มีความจำกัดอันหนึ่ง แต่ข่าวสารที่ออกมาสร้างความแตกแยกของคนในชาติ มันก็เป็นจุดล่อแหลมต่อการทำงานของรัฐบาลและประชาชนในประเทศด้วย เป็นความมั่นคงของทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น เราก็พยายามไปหาว่ากระแสข่าวตรงนี้ออกมาจากตรงไหน

เมื่อถามว่า ได้สอบถามข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ และได้แสดงจุดยืนอย่างไรกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ท่านนายกฯ ไม่ได้ถามเรื่องการปฏิวัติ แต่เรียนท่านว่าถ้าเผื่อว่าใช้กำลัง ถ้าทหารออกเมื่อไหร่ ท่านนายกฯ จะลำบาก ก็เรียนท่านไปอย่างนั้น เพราะหากทหารออกไปภาพลักษณ์ของการบริหารของประเทศ ที่ใช้การทหารแล้ว มันก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า นายกฯ อยากให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ได้พูดประเด็นนั้น ตนเองเพียงเสนอแนะว่าถ้าเผื่อใช้กำลังทหารจะทำให้ภาพรัฐบาลไม่ค่อยดี ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายกฯ ได้เปรยถึงทางออกต่อสถานการณ์ในขณะนี้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี คิดว่าท่านคงมีวิถีทางเดินของท่านเรียบร้อย ท่านไม่ได้คุยเรื่องนี้ให้ฟัง

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมสภากลาโหมได้มีการประเมินสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของวันที่ 24-26 มี.ค. ก็ให้ทางกองทัพไปเตรียมตัวและติดตามสถานการณ์ คือสถานการณ์ไม่ได้บ่งชี้ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น เราจะพัฒนาแผนที่วางไว้ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทั้งนี้ เป็นห่วงเหมือนกันว่าม็อบจะชนกัน ก็ระวังอยู่ และ ได้ประสานไปยังส่วนที่เกี่ยวข้อง เท่าที่ดูก็พยายามหลีกเลี่ยงกับ โดยเฉพาะม็อบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล เขาพยายามหลีกเลี่ยงอยู่แล้วในขณะที่ อีกกลุ่มหนึ่งก็เห็นว่าพยายามหลีกเลี่ยงอยู่เช่นกัน

เมื่อถามว่า กลุ่มองค์กรพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ได้ขีดเส้นตายให้นายกรัฐมนตรีลาออกภายใน 48 ชั่วโมง จะมีการเตรียมความพร้อมอย่างไรหากเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนว่าความหมายนั้นคืออะไร แต่กำลังตีความหมายว่าจะเป็นเดดไลน์ตรงไหน อย่างไร ยังไม่เห็นวัตถุประสงค์

ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการต่างๆ เหล่านี้สามารถจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันดับแรกคือไม่ค่อยเชื่อว่าม็อบจะทำอย่างนั้น ถ้าเผื่อเกิดความรุนแรงอย่างนั้นรัฐบาลคงประกาศภาวะฉุกเฉิน และต้องเป็นขั้นรุนแรงกองทัพจึงจะลงไป ในขั้นแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงดำเนินการของท่าน

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่มีการขอเจ้าหน้าที่ทหารมาสนับสนุนภารกิจในการรักษาความปลอดภัย แต่ก็เคยปรารภไว้ว่าหากกำลังตำรวจหมดมือก็ขอให้บอก เราสามารถโอนถ่ายกำลังกันได้ ระหว่างทหารกับทางตำรวจ แต่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อน ในส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจจะอ่อนล้านั้น ในหลักการคือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีการหมุนเวียนกำลัง โดยเฉพาะตำรวจมีระบบในการหมุนเวียนในการทำงานอยู่แล้ว ผลัดละ 8 ชั่วโมง ดังนั้นหากทำงาน 8 ชั่วโมง พักอีก 16 ชั่วโมงคงพอไหว แต่หากจุดต่างๆ มันมากขึ้นคิดว่า ตำรวจคงมีวิธีการแก้ไขปัญหาในขั้นต้นก่อน

เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์ม็อบวันที่ 25 มี.ค.นี้อย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กองทัพประเมินว่าทุกกลุ่มยังมีจุดยืนว่าไม่ต้องการสร้างความรุนแรง คิดว่าการชุมนุมจะไม่แตกต่างจากที่ผ่านมา ส่วนหากมีความยืดเยื้อ และแกนนำต้องการให้แตกหักขึ้นนั้นก็จะนำไปสู่การพัฒนาแผนที่กองทัพได้วางไว้ ซึ่งกองทัพได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้าน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขีดเส้นตายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกเวลา 22.00 น.คืนนี้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่าจะดำเนินการโดยสงบ ยึดหลักอหิงสา เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะกดดันครั้งใหญ่ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ในแง่ความมั่นคงไม่มีอะไร ห่วงอย่างเดียวไม่อยากให้ม็อบมาเจอกัน เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่ม็อบจะเคลื่อนขบวนปะทะกัน พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ก็อย่าให้เคลื่อนมาปะทะกัน

เมื่อถามอีกว่า กลุ่มม็อบจะเดินทางไปป่วนที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หน่วยงานด้านความมั่นคงจะดูแลอย่างไร พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกเพราะไร้ศีลธรรม เมื่อถามย้ำว่า ทำไมถึงมั่นใจว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ก่อเหตุ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า เพราะการทำเช่นนี้ไร้ศีลธรรม

ทางด้าน พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเพียงพอต่อการดูแลสถานการณ์ เพราะมีการผลัดเปลี่ยนกันตลอดเวลา ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไร ตำรวจเขาทำตามแผนที่ได้วางไว้ด้วยการหมุนเวียนกำลังที่มีอยู่เขามาดำเนินงานเพื่อให้พักผ่อนกันบ้าง ทั้งนี้ มั่นใจว่าตำรวจยังสามารถดูแลได้อยู่ยังไม่ใช้กำลังทหาร และยังไม่มีอะไรที่มากดดันทหารให้ต้องออกมา

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของกองทัพในการดูแลรักษาความปลอดภัยว่า เรื่องความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด กองทัพก็เตรียมความพร้อมไว้ทุกที่ ไม่ว่ากลุ่มม็อบจะเดินทางไปชุมนุมที่ใดก็ตาม แต่กองทัพไม่ได้สกัดกั้นกลุ่มชุมนุม แค่คอยดูแลไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเท่านั้น

พล.อ.เรืองโรจน์ เชื่อมั่นว่า วันที่ 25 มี.ค.นี้คงไม่มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ คนไทยด้วยกันอย่าปะทะกันเลย เพราะไม่มีผลดีและยังคงยืนยันว่ายังไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินอย่างแน่นอน เป็นเพียงข่าวลือ ขณะนี้ยังไม่เห็นมีความรุนแรงอะไรเลย แต่ก็เป็นห่วง ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตนคิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหารุนแรง เพราะขณะนี้ทุกคนอยู่ในระเบียบวินัยของตัวเองที่ดี ยังไม่มีอะไรที่ล้ำเส้นกันไม่น่าจะเกิดปัญหา คิดว่าวันหนึ่งคงจะสามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์