“มาร์ค”จวก “แม้ว” จ้องล้างผิดตัวเอง

“มาร์ค”เมินถก “เจริญ” ไล่กล่อมส.ส.เพื่อไทย ถอน 4 ร่างกม.ก่อนค่อยตั้งวงเจรจา แฉเกมรัฐดัน “ปู” ทัวร์นอกลอยตัวเหนือปัญหา แนะสลัดให้หลุดจากการครอบงำของพี่ชาย ดึงประเทศออกจากความเสี่ยง จวก “แม้ว” สไกป์อยากกลับบ้านแสดงชัดจ้องล้างผิดตัวเอง 

       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จะเชิญเข้าร่วมหารือกับวิปรัฐบาลในการถอนร่างกฎหมายปรองดอง จำนวน 4 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภา ว่า เมื่อมีการบอกว่าประธานสภาฯไม่มีอำนาจในการถอน 4 ร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วจะเชิญตนไปพูดคุยทำไม และการถอนก็ไม่ได้เกี่ยวกับตน เพราะตนไม่มีอำนาจ เป็นเรื่องของผู้เสนอร่างกฎหมาย ซึ่งถ้ามีความจริงใจประธานสภาฯ และนายเจริญ ต้องไปคุยกับผู้เสนอร่าง โดยไม่จำเป็นต้องเอาตนไปเกี่ยวข้อง เพราะมาคุยกับตนคงไม่ได้ประโยชน์อะไร และถ้าทำเสร็จแล้วอยากคุยเรื่องนิรโทษกรรมก็ค่อยมาว่ากัน แต่ตอนนี้ไม่ควรเอาตนและพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มอื่นที่ไม่เห็นด้วย ไปเป็นเงื่อนไขในการถอนหรือไม่ถอน 4 ร่างกฎหมาย แต่ถ้านายเจริญยังไม่เข้าใจก็คงคุยกันยาก

       นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าการเดินหน้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ในการประชุมพรรคเพี่อไทย เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ก็ยังมีการทวงอยู่ว่าอยากกลับบ้าน ซึ่งแสดงว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอยู่ แต่ถ้าจะไม่อยากให้มองว่ามีเจตนาซ่อนเร้น ก็ต้องทำให้พวกตนดูก่อน เช่น การถอน 4 ร่างกฎหมายออกไป และรัฐบาลจะประกาเจตนารมณ์ให้ชัดว่าขอบเขตการนิรโทษกรรมอยู่ตรงไหน ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทีกษิณ สไกป์มาก็ยิ่งทำให้มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ตนคิดว่าถ้าอยากปรองดองจริง ควรลด เลิก ประโยชน์ส่วนตน ส่วนพวก เพราะถ้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบงำอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองก็มีความเสี่ยงไปเรื่อยๆ ถึงเวลาที่จะก้าวพ้นได้แล้ว

       เมื่อถามว่า ผู้ที่ถูกคุมขัง อยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีคดีอุฉกรรจ์ คนเหล่านี้ควรได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าผู้ที่ใช้ความรุนแรง ทำความผิดทางอาญา ไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะจะทำให้หลักการการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต้องปราศจากอาวุธ ได้รับผลกระทบ และจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานในอนาคตว่า การต่อสู้ทางการเมืองมีแต่ความรุนแรง และจะเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้จะใช้วิธีไหนก็ได้ พอมีอำนาจแล้วก็มาล้างผิดให้กับตนเอง

       เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกรัฐมนตรีมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งในช่วงที่มีการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์เดิมในการกันนายกฯ ออกไป แต่สุดท้ายปัญหาที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองจะกระทบกับทุกคนซึ่งนายกฯสามารถหาข้อยุติในเรื่องนี้ได้ ควรรีบตัดสินใจว่า เลิกพาบ้านเมืองเข้าสู่ความเสี่ยง เพราะฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือกับนายกฯในการบริหารประเทศ