อุ๋ยเปิดใจ รัฐบาลอยู่ใต้อิทธิพลบางกลุ่ม...ข้ออ้างไม่สมจริง

"หม่อมอุ๋ย"เปิดใจ"ลาออก" "รัฐบาลอยู่ใต้อิทธิพลบางกลุ่ม...ข้ออ้างไม่สมจริง"


"ผมไม่ต้องการทำงานในสภาวะที่มีการปิดบังอำพราง และในสภาวะที่ดูเสมือนว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนบางกลุ่ม"

หมายเหตุ - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์การลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีสาระสำคัญดังนี้

ตามที่มีการนำบุคคลบางคนในรัฐบาลทักษิณเข้ามาช่วยงานรัฐบาลนี้โดยใช้เหตุผลว่า เพื่อให้ช่วยชี้แจงชาวต่างชาติในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ดูเป็นข้ออ้างที่ไม่สมจริง และมีลักษณะปิดบังอำพรางวัตถุประสงค์ที่แท้จริง แม้ว่าขณะนี้เรื่องนี้ได้เลิกราไป แต่ก็เป็นไปในลักษณะที่กำกวมไม่เด็ดขาด และสายสัมพันธ์ก็ยังคงอยู่ต่อไป ดังจะเห็นได้ว่า บุคคลผู้เป็นตัวเชื่อมยังคงมีตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในรัฐบาลนี้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีบางคนในรัฐบาล ยังได้ดำเนินการบางอย่างในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่สื่อมวลชนบางรายเป็นการเฉพาะ แม้ว่าจะหมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย และมีการแสดงออกหลายอย่างที่ทำให้ดูเสมือนว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของสื่อมวลชนรายนี้

"ผมไม่ต้องการทำงานในสภาวะที่มีการปิดบังอำพราง และในสภาวะที่ดูเสมือนว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนบางกลุ่ม จึงได้ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป"


@ ยังมีสาเหตุอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้ตัดสินใจลาออก


- เหตุผลที่ให้ไว้ชัดเจนอยู่แล้ว และยืนยันว่าลาออกหมดทุกตำแหน่ง ลาออกแล้วจะไปอยู่บ้าน

@ นายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นอย่างไรกับการลาออกครั้งนี้

- จากการพูดคุยกันท่านนายกฯ ก็ยอมรับและเข้าใจ และมีทักท้วงว่าช่วยอยู่ทำงานต่อไปได้หรือไม่ แต่ผมยืนยันว่าไป ทุกอย่างก็จบ

"เรื่องการลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นชอบและรับทราบการลาออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนนายกรัฐมนตรีได้พูดอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ต้องบอกว่าพูดมากกว่านี้เยอะ แต่ไม่ต้องเล่า ซึ่งท่านทักท้วงเป็นธรรมดา แต่ได้ยืนยันก็จบกัน โดยผมตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะเห็นว่าข้ออ้างไม่สมจริง อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้บอกกับนายกรัฐมนตรีไปว่าหากมีอะไรที่ให้ช่วยเหลือก็ยินดีเสมอ"

@ การลาออกครั้งนี้น่าจะมาจากการทำงานและการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมาทำให้อึดอัดใจ

- การทำงานไม่ได้อึดอัดอะไร เพียงแต่ว่านั่งดูเหตุการณ์มาสิบกว่าวัน มันก็มีลักษณะเหตุการณ์ 2 อย่าง คือ เห็นว่าข้ออ้างดูไม่สมจริง เหมือนกับปิดบังอำพรางวัตถุประสงค์ที่แท้จริง

และเรื่องที่สองคือ การแสดงออกของรัฐมนตรีบางคนเป็นไปในลักษณะที่จะพารัฐบาลไปอยู่ใต้อิทธิพลของสื่อมวลชนบางราย ซึ่งผมไม่ต้องการทำงานในสภาวะแบบนั้น จึงตัดสินใจที่จะลาออกซึ่งใช้เวลาไม่นาน

@ สื่อมวลชนบางรายในที่นี้หมายถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ใช่หรือไม่

- เรื่องนี้ต้องหัดไปคิดเอาเอง

@ สื่อที่พูดหมายถึงเป็นรายการที่ได้มีการปิดตัวไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ และวิจารณ์การทำงานใช่หรือไม่

- เรื่องการวิจารณ์การทำงาน ผมไม่เคยห่วง เพราะถูกวิจารณ์มา 3-4 ปีแล้ว แต่ประเด็นที่ห่วงคือว่า รัฐมนตรีบางคนที่อยู่ในรัฐบาล กระทำการในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้แก่สื่อมวลชนบางราย



@ การลาออกครั้งนี้เกี่ยวกับ พล.อ.สุรยุทธ์แต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศหรือไม่

- ไม่ได้น้อยใจเลย ถ้าน้อยใจก็ลาออกตั้งแต่วันแรกไปแล้ว แต่ประมวลดูเหตุการณ์มันไม่สมจริง มีอะไรปิดบังอำพรางอยู่ และสายสัมพันธ์ก็ยังอยู่ การลาออกก็กำกวมไม่เด็ดขาด และบุคคลที่เป็นตัวเชื่อมยังมีตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในรัฐบาล เลยรู้สึกว่ามีอะไรอึมครึมอยู่

@ ภาวะการปิดบังอำพรางและอึมครึมช่วยขยายความได้หรือไม่

- อันนี้เป็นสิ่งที่จะดูปัญญานักข่าว ตอนนี้ผมตั้งโจทย์เพื่อที่ให้นักข่าวหัดไปลองใช้ปัญญาตัวเองบ้าง อย่าไปเที่ยวฟังใครเขาทั้งหมด

@ คนที่มองว่าเป็นตัวเชื่อมและมีตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลนี้หมายความถึงนายวีระชัย วีระเมธีกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหรือไม่

- หัดใช้ปัญญาได้ ผมไม่เคยระแวงเลย

@ เคยคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงความอึดอัดใจมาก่อนหรือไม่

- ไม่ได้อึดอัดใจ เพียงแต่ไม่ต้องการทำงานในสถานการณ์นี้ เมื่อเกิดสถานการณ์แล้วมันก็ไม่ทำเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องอึดอัดใจ เพราะสถานการณ์มันเกิดแล้ว

@ ได้มองใครมาทำงานแทนหรือไม่

- ไม่ได้มอง ผมไม่ใช่นายกรัฐมนตรี จะมองทำไม เดี๋ยวเขาก็มองกันเองแหละ แต่บังเอิญงานใหญ่ในหน้าที่ของผมได้จัดให้หมดแล้ว เมื่อใครมาก็ต่องานได้ง่าย งานที่คั่งค้างที่จะเป็นปัญหาไม่มี แต่ถ้ามีก็จะอยู่แก้

@ มีข่าวว่าสาเหตุที่ลาออก เพราะมีรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลไม่พอใจการทำงานของท่านใช่หรือไม่

- รัฐมนตรีไม่พอใจการทำงานคงไม่มี รัฐบาลนี้ทำงานด้วยกันดี เพียงแต่ว่าไม่ระวังตัว ก็เลยดูไปเอื้อประโยชน์ให้สื่อมวลชน และไปๆ มาๆ กลายเป็นเบี้ยล่างสื่อไปเลยเท่านั้นเอง มองว่าเป็นเรื่องการขาดประสบการณ์มากกว่า


@ ก่อนหน้านี้มีความคิดจะลาออกหรือไม่

- ไม่เคยเลย ผมเป็นคนที่ทำก็ทำจนถึงวันสุดท้าย เมื่อสักครู่ยังประชุมอยู่เลย พอจบก็จบเท่านั้นเอง

สำหรับภารกิจที่รับผิดชอบอยู่ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากภารกิจที่ทำมาก็เสร็จไปหมดแล้ว โดยไม่น่าจะมีผลกระทบต่อโครงการเมกะโปรเจ็คต์ เพราะได้วางระบบและตั้งไข่ไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ที่เหลือเพียงการประมูล และรัฐมนตรีทุกคนสามารถทำต่อได้

ประกอบกับรัฐมนตรีในสายของผมค่อนข้างจะทำงานเป็นตัวของตัวเอง และสามารถทำต่อได้เองอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เรียบร้อยดีทุกประการ ฉะนั้น ไม่มีประเด็นใดที่ยังไม่เข้ารูป โดยผมดูว่าทุกอย่างเข้ารูปแล้วถึงได้ลาออก

@ คำนึงถึงผลกระทบจากการลาออกจากตำแหน่งต่อภาวะเศรษฐกิจไทยขณะนี้หรือไม่

- ไม่มีอะไรน่ากังวล ขณะนี้การส่งออกเดินแล้ว เงินตราไม่แข็งขึ้นจากเดิมเป็น 35.6-35.7 บาท ซึ่งความจริงอ่อนลงจากวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ที่ 35.07 บาท และมาตรการที่ออกมาก็ทำให้มันไม่แข็งขึ้นจริงๆ ส่งผลดีกับการส่งออกให้สามารถอยู่ได้ ฉะนั้น เมื่อภาคการส่งออกไปได้ประเทศก็ไปได้อยู่แล้ว ประกอบกับเรื่องความเชื่อมั่นอยู่ที่ระบบเศรษฐกิจมากกว่า ขณะที่ตัวบุคคลมีบุคคลที่มีความสามารถทำได้เยอะ

"ผมลาออกเพราะงานในสาย มันเริ่มเรียบร้อยแล้ว พระราชบัญญัติต่างๆ ที่สำคัญผลักดันออกหมดแล้ว เรื่องไอทีวีสั่งให้จัดให้ภายในสองสัปดาห์ งานเรื่องขนส่งมวลชนก็เรียบร้อยแล้ว งานของรัฐมนตรีในสายก็เดินได้ดี ทุกอย่างหมดห่วงเลยออกจังหวะนี้

"ผมไม่ออกในจังหวะที่ทำความลำบากให้รัฐบาล หาใครเข้ามาแทนก็เดินได้เลย เดี๋ยวคนอื่นเขาเข้ามาช่วยเสริม อาจมีวาระใหม่ๆ ทำให้มันดีขึ้น แต่ในแง่เศรษฐกิจ ค่อนข้างชัดเจนว่าการส่งออกจะเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ว่าปี 2550 โต 9-12%"

@ การตัดสินใจลาออกปรึกษากับรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนอื่นหรือไม่

- ได้บอกให้ฟัง ไม่ได้ปรึกษา ถ้าปรึกษาก็ต้องปรึกษาภรรยา ส่วนคนอื่นๆ เพียงแค่บอกให้ฟัง ส่วนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้คุย เพราะคุยก็ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว


@ รัฐมนตรีคนอื่นเห็นเช่นเดียวกันหรือไม่ว่ามีการทำงานในลักษณะปิดบังซ่อนเร้น


- ไม่ทราบ นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ออกมารู้สึกว่าปิดบังซ่อนเร้น ไม่สมจริง ถ้าสมจริงก็คือ ถ้าเป็น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ออกมาชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อย่างนั้นคงสมจริง

@ การที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายสมคิดทำงานด้านเศรษฐกิจพอเพียงมองว่าเป็นการปูพื้นทางเป็นนายกรัฐมนตรีให้นายสมคิดหรือไม่

- เรื่องนี้มันจบไปแล้ว เขาถอยไปแล้ว

@ การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีคลุมเครือหรือไม่

- การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีไม่คลุมเครือ สิ่งที่คลุมเครือคือสายสัมพันธ์ที่ยังมีอยู่ เนื่องจากมีบุคคลที่เป็นตัวเชื่อมยังอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลนี้

สำหรับกรณีที่มีผู้สอบถามว่า การที่นายกรัฐมนตรียังปล่อยให้นายสมคิดทำงานต่อโดยไม่ต้องมีตำแหน่งใดๆ ทำให้รู้สึกว่าการลาออกของนายสมคิดยังไม่เด็ดขาดใช่ คงจะไม่ใช่

แต่รู้สึกว่าการลาออกไม่เด็ดขาด มีคำว่า "ชั่วคราว" มีคำว่า "เดี๋ยวก็ร่วมกันใหม่" มันไม่เด็ดขาด แล้วก็บุคคลที่เป็นตัวเชื่อมก็ยังนั่งเป็นตำแหน่งในรัฐบาลนี้ ผมประมวลเหตุการณ์แล้ว เฮ้ย มันเหมือนยังมีสายสัมพันธ์อยู่

@ อนาคตจะเล่นการเมืองหรือไม่

- ไม่เล่นแล้ว จะเล่นการเมืองทำไม คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมมีธุรกิจของผม ไม่ต้องเป็นห่วง

@ การลาออกครั้งนี้จะกระทบต่อภาพพจน์ของรัฐบาลหรือไม่

ไม่น่าจะกระทบ เพราะสื่อมวลชนก็เขียนภาพพจน์ผมย่ำแย่อยู่แล้ว ลาออกไปอาจทำให้ภาพพจน์ผมดีขึ้น

@ จะไม่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่ย่ำแย่แล้วให้แย่ลงอีกหรือ

- ไม่ซ้ำเติมแต่จะทำให้ดูดีขึ้น เพราะเป็นตัวที่เขาว่าย่ำแย่ ดังนั้น ผมก็ถอนออกซะ ซึ่งทุกคนมีเหตุผลในการตัดสินใจตนเองก็เช่นกัน ที่ประมวลเหตุการณ์แล้วอย่างนี้ดีกว่า สบายใจกว่า สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย



@ ให้เหตุผลในการลาออกกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่าเป็นเพราะเห็นว่ายังมีตัวเชื่อมอยู่ในรัฐบาลนี้

- ไม่ได้ให้เหตุผลกับนายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลในลักษณะที่คล้ายกัน ไม่ได้อธิบายในลักษณะนี้ และการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อต้องการเตือนรัฐบาลว่าถ้าไม่ระวังมันอาจจะกลายไปเป็นเบี้ยล่างสื่อเฉพาะรายนั้น

จริงๆ เป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลต้องระวังในเรื่องนี้แล้วว่าคนทั่วไปเขาคิดอย่างนี้ พวกคุณก็คิดอย่างนี้ใช่ไหม ก็ขอให้สื่อหัดใช้ปัญญา ไม่มีอะไรยาก ถ้าปัญญามีน้อยเป็นสื่อทำเนียบไม่ได้

ขอยืนยันอีกครั้งว่า การลาออกครั้งนี้ไม่ได้มาจากการน้อยใจที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายสมคิดเข้ามา เนื่องจากที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีให้เกียรติผมมาก เห็นได้ชัดที่ว่าเวลาผมออกมาตรการอะไรที่จะมีผลกระทบกับบางกลุ่ม แล้วบางกลุ่มโจมตี ท่านจะออกมาสนับสนุนยืนอยู่ข้างหลังผมตลอดเวลา ซึ่งมันก็ชัดเจนว่าท่านให้เกียรติผู้ร่วมงานสูง

"สำหรับสิ่งที่เป็นห่วงคือ รัฐบาลกำลังจะไปเป็นเบี้ยล่างเขา ทำให้ทำงานลำบากเท่านั้นเอง จึงได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ว่าต้องระวังเรื่องนี้เป็นสำคัญ

"ผมคิดว่าการเป็นรัฐบาลเราจะปล่อยให้คนทั่วไปรู้สึกว่าเป็นเบี้ยล่างของบุคคลหรือกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากกับความเป็นรัฐบาล"

@ มีการส่งสัญญาณก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะในตลาดหลักทรัพย์มีกระแสมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 ว่าจะมีรองนายกรัฐมนตรีลาออก

- ไม่มี พวกนี้มันอ่านแล้วก็เดากันไปเรื่อย ไม่เคยส่งสัญญาณอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

@ หากมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีบางคนออกจากรัฐบาลแล้วจะกลับมาเป็นรัฐมนตรีใหม่หรือไม่

- ทุกอย่างได้ตอบและสรุปไปหมดแล้ว



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพิมพ์มติชน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์