ซัด“ปู”ต้นเหตุทำ“เฉลิม-สุกำพล”บึ้งตึง

“อภิสิทธิ์” ซัด “ปู” ทำ “เฉลิม-สุกำพล” ปีนเกลียว เหตุมอบงานให้คนที่ไม่อยากทำ แนะนายกฯ ตั้งหลักสร้างเอกภาพเดินหน้าดับไฟใต้ เผยโจรใต้หวังตัดพื้นที่ทำชาวบ้านผวา

ซัด“ปู”ต้นเหตุทำ“เฉลิม-สุกำพล”บึ้งตึง


                  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯว่า ควรพูดคุยกันให้ได้ข้อยุติ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ที่จะแก้ปัญหา ถ้านายกฯไม่แก้ปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้เอง ก็ต้องมอบงานให้กับผู้ที่รับผิดชอบที่สามารถพูดคุยกันได้ แต่ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับมอบงานกลับแสดงอาการว่าค่อยอยากทำงานนี้ ซึ่งทำให้เกิดบรรยากาศอย่างนี้ ดังนั้นนายกฯต้องตัดสินใจว่าจะปล่อยสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ นายกฯจะลอยตัวไม่ได้ ต้องเข้ามาแก้ปัญหาเพราะประชาชนเดือดร้อนจริงๆ


              เมื่อถามว่าร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าพร้อมโยนงานนี้ให้รมว.กลาโหมดูแล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ก็พูดชัดแล้วว่าไม่อยากได้งานนี้ และอยากคืนงานนี้ ผมจึงคิดว่านายกฯควรมอบงานนี้ให้กับคนที่อยากทำมากกว่า เพราะไม่มีหลักบริหารใดที่ไปมอบงานให้คนที่ไม่อยากทำ ดังนั้นนายกฯต้องปรับงานให้เกิดความเอกภาพ ลดความแน่นอน โดยนายกฯต้องกลับไปทบทวนทิศทางที่เดินมาที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหา อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่เกิดจากฝ่ายตรงข้ามต้องการสร้างแนวร่วม โดยมีเจตนาที่จะตัดพื้นที่บางส่วนออก ซึ่งทำให้คนในพื้นที่ขวัญเสีย รัฐบาลควรให้ความมั่นใจกับคนในพื้นที่


             นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แนวทางการแก้ปัญหาคือจะต้องฟังฝ่ายที่ทำงาน หากไม่จำเป็นไม่ควรออกมาพูดอะไร และหากคิดจะประกาศเคอร์ฟิวจริง ๆ ก็ต้องไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้อยากให้ร.ต.อ.เฉลิม มองย้อนกลับไปว่าความรุนแรงที่เข้มข้นขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวกับการที่ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางไปประเทศมาเลเซียด้วยหรือไม่ เราควรมองภาพรวมว่าเป็นอย่างไร จะได้แก้ไขปัญหาได้ถูกทาง อย่างไรก็ตามสภาพปัญหาขณะนี้ยังไม่ดีขึ้น และอาจรุนแรงจนร.ต.อ.เฉลิม ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น แต่ความจริงเราอยากให้การแก้ปัญหาเปลี่ยนแนวจากการใช้ยาแรง จึงอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม ไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการใช้ยาแรงจะส่งผลกระทบต่อสายตาของต่างประเทศ และที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือเงื่อนไขในพื้นที่ เพราะการใช้มาตรการอย่างนี้จะกระทบกับการประกอบอาชีพของประชาชน ซึ่งการบั่นทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์