“มาร์ค-เทือก” จ่อฟ้องกลับ “ธาริต” ยัดเยียดข้อหา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ​นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ​



“อภิสิทธิ์-สุเทพ” โต้กลับฟ้องศาลอาญาเอาผิดธาริตและพนักงานสอบสวนดีเอสไอยัดข้อหาปฏิบัติหน้าที่ผิดกม.

นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฏหมายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับฝ่ายกฎหมายของพรรคว่า จะดำเนินคดีกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กรณีตั้งข้อหาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์จากการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ จะเป็นโจทย์ที่ 1 และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ​ อดีต ผอ.ศอฉ. จะเป็นโจทย์ที่​ 2 จะยื่นฟ้องศาลอาญา นายธาริต และ พนักงานสอบสวนดีเอสไอรวม 4 คน สัปดาห์หน้า โดยจะไม่ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพราะต้องการให้ศาลได้พิจารณาคดีนี้โดยเร็ว

ทั้งนี้เห็นว่า ดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้ง ยัดเยียด ข้อหาให้บุคคลทั้งสอง ว่าเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล เพราะมาตรา 17 ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินได้คุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและเจ้าหน้าที่รัฐผู้ที่ออกคำสั่งในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งในการออกคำสั่ง​ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ศาลแพ่งมีคำวินิจฉัย 2 ครั้ง ยืนยันว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นไปด้วยความไม่สงบ ผิดกฎหมาย มีอาวุธ และส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกยิงเสียชีวิต จนเกิดวิกฤตในบ้านเมือง ดังนั้นรัฐบาลในเวลานั้นซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง มีอำนาจในการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยตามที่ได้ออกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ นายธาริตและพวกรวม 4 คน มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะบุคคลธรรมดา ไม่ใช่ในฐานะนายกฯและรองนายกฯ ทั้งที่ทั้งสองได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบ แต่ดีเอสไอจงใจที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อให้อำนาจในการดำเนินคดีอยู่กับตัวเองแทนที่จะส่งไปให้ ป.ป.ช. ดังนั้นจึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อบุคคลที่ไม่ได้กระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 200 และ 157 นอกจากนี้ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ทำให้บุคคลทั้งสองสูญเสียเสรีภาพขณะที่ถูกเชิญตัวไปให้ถ้อยคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา โดยต้องอยู่ให้การกว่า 10 ชั่วโมงจึงจะฟ้องร้องรวมเป็นคดีเดียวกัน

​นายถาวร กล่าวต่อว่า แม้จะมีการดำเนินคดีดังกล่าวกับนายธาริตและพวก แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าดีเอสไอยังไม่หยุดพฤติกรรมรับใช้การเมือง ​ไม่มีการกลับลำในการดำเนินคดีกับบุคลากรในพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปตามใบสั่งทางการเมือง รวมถึงกรณีที่ 44 ส.ส.ได้บริจาคเงินให้พรรคและอีกหลายคดีที่จะมีการดำเนินการตามมา ​ซึ่งยืนยันว่า กรณีที่ส.ส.ส่งเงินผ่านสภาเข้าพรรคไม่ใช่การบริจาคแต่เป็นค่าบำรุงพรรค โดยเช็คที่สั่งจ่ายผ่านสภาก็ทำโดยโปร่งใสเป็นไปตามกฎหมายแม้ว่าจะไม่ได้สั่งจ่ายในนามของส.ส.ก็ไม่ถือว่ามีความผิด

ทั้งนี้ การตีความของดีเอสไอจึงเป็นการตีความแบบศรีธนญชัย เพื่อเอาผิดกับคนของพรรค ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยพรรคจะดำเนินคดีอื่นๆ ต่อนายธาริตและพวก ตามมาด้วย และจะแจ้งต่อสื่อให้ทราบเป็นระยะ เพราะเป็นการทำคดีที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบทั้งสิ้น ล่าสุดพบว่า มีการตั้งคณะกรรมการพิเศษของคณะกรรมการคดีพิเศษที่มีนายกฯ เป็นประธานขึ้นมาพิจารณาเอาผิดกับบุคคลบางคน หากเป็นเช่นนั้นก็จะถึงตัวนายกฯ ด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด รอให้ได้เอกสารหลักฐานในมือเรียบร้อยก่อน



ขอบคุณ : ISNHOTNEWS

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์