รถดับเพลิง มี 3 นักการเมือง ติดร่างแห!

ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตโครงการต่างๆในสมัยรัฐบาลก่อนนั้น วันที่ 23 ก.พ. มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ที่มีนายประเสริฐ บุญศรี เป็นประธาน โดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯได้สรุปผลสอบมาให้เพื่อบรรจุในวาระการประชุม คตส. วันที่ 26 ก.พ. นี้ ซึ่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องในการจัดซื้อ 5 คน

แบ่งเป็นนักการเมือง 3 คน ตำรวจ 1 คน ข้าราชการ 1 คน ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้รัฐเสียหายประมาณ 6 พันล้านบาท ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงแจ้งข้อกล่าวหาแค่ 5 คน ทั้งที่ผลสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่ามีผู้ทำผิด 7 คน นายนามตอบว่า เป็นเพียงผลสรุปเบื้องต้นในชั้นตรวจสอบ แต่เมื่อถึงชั้นไต่สวนอาจมีการขยายประเด็นจนมีผู้ทำผิดเพิ่มขึ้นอีกหลายราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักการเมืองและข้าราชการ 5 คน ที่คณะอนุกรรมการสรุปสำนวนว่ามีความผิดในคดีดังกล่าวประกอบด้วย 1. นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย 2. นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย 3. นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย (นายประชา มาลีนนท์) 4. นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม. 5. พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ขณะเดียวกัน มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการ คตส. เป็นประธาน ภายหลังการประชุม นายสัก กอแสงเรือง อนุกรรมการฯ กล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปสำนวนการซื้อขายหุ้นของบริษัทแอมเพิลริช เพื่อส่งให้ คตส.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในวันที่ 26 ก.พ. ได้ เนื่องจากมีหลายคนไม่ส่งเอกสารมาให้ เช่น นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่อ้างว่าเจ้าของข้อมูลไปต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้เชิญนายดุสิต อุชุพงศ์อมร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาชี้แจงข้อมูลบริษัทกุหลาบแก้วที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปผู้สื่อข่าวถามว่า คตส.จะนำเรื่องการเป็นนอมินีของบริษัทกุหลาบแก้วมาตรวจสอบหรือไม่ นายสักตอบว่า คงต้องดู เพราะอำนาจของ คตส.จะรวมถึงเรื่องฝ่าฝืนกฎหมาย การเลี่ยงภาษีอากร และการซื้อขายหุ้นก็เกี่ยวกับบริษัทกลุ่มนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบคงไม่ถึงการยกเลิกสัญญาสัมปทานดาวเทียม แต่จะพุ่งเป้าไปที่การซื้อขายหุ้นเป็นหลัก

นายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ กล่าวถึงกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยากเห็นหลักฐานการทุจริตในคดีซีทีเอ็กซ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะแสดงความเห็นอย่างไรก็ได้ แต่การที่นายนพดลระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยากเห็นหลักฐานที่

คตส.บอกว่าเห็นแล้วจะสะดุ้งนั้น คตส.คงเปิดเผยไม่ได้ว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง และจะทำให้สะดุ้งอย่างไร เอาไว้รอให้มาดูเองแล้วจะรู้ว่าเป็นอะไร ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง แต่จะใช้สิทธิชี้แจงในศาลนั้น เป็นสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คงไม่ทำให้กระบวนการตรวจสอบในคดีนี้สั้นลง เพราะยังต้องส่งเอกสารให้ผู้ถูกกล่าวหารายอื่นในคดีนี้อีก 38 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาอยู่ดี

นายไพศาล พืชมงคล สมาชิก สนช. ในฐานะผู้ยกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เพื่อต่ออายุการทำงานของ คตส. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว สาระสำคัญคือ 1. ขยายเวลาการตรวจสอบของ คตส. เป็น 3 ปี และถ้ายังไม่แล้วเสร็จให้ขออนุญาต ครม.ขยายเวลาตรวจสอบออกไปได้ 2. ให้ คตส.มีอำนาจเรียกบุคคล หรือพยานหลักฐานมาทำการไต่สวนได้ หากบุคคล หรือองค์กรใดไม่กระทำตามจะมีความผิดเหมือนขัดหมายศาล

3. ให้ คตส.มีอำนาจหยิบยกเรื่องขึ้นมาตรวจสอบได้เอง โดยถือว่ากรณีที่ดำเนินการนั้นมีการกล่าวโทษ หรือแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายตามกฎหมายแล้ว 4. ถ้าตำแหน่งกรรมการ คตส.ว่างลง หรือคนไม่พอ ให้ ครม.มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเพิ่มเติมได้ สาเหตุต้องเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเวลาทำงานของ คตส.ใกล้สิ้นสุดแล้ว อีกทั้งยังมีอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิก สนช. เข้าร่วมลงชื่อประมาณ 70 คนแล้ว