“อภิสิทธิ์”อัดรัฐบาลปูบิดเบือน-โยนบาปให้รัฐบาลเก่า

“อภิสิทธิ์”อัดรัฐบาลปูบิดเบือน-โยนบาปให้รัฐบาลเก่า ดักคออย่าสมยอมเขมรแลกผลประโยชน์

“อภิสิทธิ์”อัดรัฐบาลปูบิดเบือน-โยนบาปให้รัฐบาลเก่า


                ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ระบุว่าการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ประเทศไทยมีแต่แพ้กับเสมอตัว ว่า ตนอยากให้รัฐบาลทำหน้าที่ของตัวเองในการปกป้องอธิปไตย ทั้งนี้ คำพูดของนายสุรพงษ์ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อภารกิจที่มีความสำคัญมาก

            จึงขอเตือนให้รมว.ต่างประเทศ ระวังคำพูดและทบทวนท่าทีเสียใหม่ อีกทั้งขอให้รัฐบาลอย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นอะไร เพราะจะใช้การโยนความผิดหรือความรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนคิดว่าน่าเป็นห่วง และรัฐบาลอย่าไปสมยอมโดยมีผลประโยชน์ในเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การที่รัฐบาลพยายามโยนความรับผิดชอบนั้น ถือว่าบิดเบือนและไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นที่มาที่ไปของเรื่องนี้ อีกทั้งเหมือนจะทำให้เห็นว่าการต่อสู้ของรัฐบาลไม่ได้เอาใจใส่จริงจังแล้วสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยจะชนะคดี


           นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่าที่มาของคดีนี้เป็นการที่กัมพูชาใช้สิทธิ์ตามธรรมนูญศาลโลก ร้องขอให้ศาลโลกอธิบายคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ซึ่งในขณะนั้นไทยเป็นภาคีศาลโลก ดังนั้น รัฐบาลชุดที่แล้วต้องไปต่อสู้ในศาลโลก เพราะเห็นว่าถ้าให้ศาลฯฟังกัมพูชาฝ่ายเดียว จะไม่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย ส่วนที่มีการพูดว่ารัฐบาลชุดที่แล้วทำให้สถานการณ์ลุกลามจนกัมพูชาต้องไปฟ้องศาลโลกนั้น ที่จริงเป็นเพราะรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ไปยินยอมให้กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และยังเปิดประตูให้กัมพูชาเดินสายเพื่อให้ได้รับอนุญาตเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของไทย รัฐบาลชุดที่แล้วจึงต้องทำทุกทางสกัดกั้น ส่งผลให้กัมพูชาไม่สามารถทำให้เรื่องนี้คืบหน้าในคณะกรรมการมรดกโลกในช่วง 3 ปีที่รัฐบาลของตน

           แต่เมื่อรัฐบาลปัจจุบันกลับสนับสนุนให้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเราต้องติดตามว่าจะมีผลต่อการผลักดันการเข้าบริหารพื้นที่บริเวณรอบปราสาทฯ ให้มีความก้าวหน้าจนกระทบพื้นที่ของไทยหรือไม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กัมพูชาพยายามก่อเหตุปะทะในช่วงปี 2553-2554 เพื่อให้เรื่องขึ้นสู่ศาลโลกทำให้ไทยไม่มีทางเลือกจึงต้องตอบโต้ และรัฐบาลที่แล้วยังต่อสู้คดีจนศาลโลกมีคำสั่งให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอนทหารออกจากพื้นที่ที่ครอบคลุม 2 ประเทศตามสันปันน้ำ นี่คือความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ถ้ารัฐบาลปัจจุบันจะยืนยันเพียงแต่ทีมที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศชุดเดิม แล้วรัฐบาลเก่าต้องรับผิดชอบนั้น เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุด

          เพราะถ้าเห็นว่าทีมที่ปรึกษากฎหมายฯชุดเดิมทำหน้าที่ไม่ได้ ก็เปลี่ยนได้ แต่ปัญหาที่ต้องถามรัฐบาลคือมีความเอาใจใส่เพียงพอหรือไม่ในการต่อสู้คดี เพราะการแสดงออกของรัฐบาลทุกครั้งที่เกี่ยวข้องต่อพื้นที่ดังกล่าว และมีผลต่อคดี รัฐบาลก็ไม่เคยแสดงท่าทีของความเป็นเจ้าของในพื้นที่ที่มีข้อพิพาท เหมือนกับที่กัมพูชาทำ รัฐบาลชุดนี้จึงต้องต่อสู้คดีนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดว่าไม่มีโอกาสชนะ มีแต่แพ้กับเสมอตัว รวมทั้งไม่มีสิทธิ์โยนความรับผิดชอบให้คนอื่นโดยอ้างเป็นความต่อเนื่อง เพราะขณะนี้รัฐบาลมีอำนาจในการบริหารเต็มที่ จึงเป็นความรับผิดชอบในการต่อสู้คดีนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ


          นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าความสนิทสนมของรัฐบาลชุดนี้ที่มีต่อสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ยังไม่เคยแปลงมาเป็นผลประโยชน์ของประเทศ อีกทั้งมีความเคลื่อนไหวเพียงแต่เรื่องการรื้อฟื้นการแบ่งปันผลประโยชน์พื้นที่ทางทะเล เพราะผู้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้มีความสนใจที่จะประกอบธุรกิจนี้ ซึ่งถ้าเรื่องนี้เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจนกำหนดมาเป็นนโยบาย ย่อมส่งผลกระทบต่อการรักษาอธิปไตยของประเทศ แต่ตนหวังว่าจะไม่มีการสมยอมในเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องของอธิปไตย


          ส่วนการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศล่วงหน้าในวันแถลงปิดคดี ว่าจะไม่รับคำตัดสินของศาลโลกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะถือเป็นการแสดงออกที่จะมีผลกระทบต่อตัวคดี ส่วนเมื่อผลออกมาแล้ว ท่าทีควรจะเป็นอย่างไรนั้น รัฐบาลก็สามารถกำหนดแนวทางได้ มีหลายทางเลือก ซึ่งรัฐบาลควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกฏหมายด้านต่างประเทศ และเตรียมความพร้อมเอาไว้ นอกจากนี้อยากให้ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกฏหมาย และผู้ที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าว กระตุ้นให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งในการต่อสู้


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์