9 ชั่วโมง ในรัฐสภา ! กลายเป็นค่ายกักกันชั่วคราว

ว่าด้วยเรื่องความพยายามแหก... ของเหล่าส.ส.กลุ่มหนึ่ง

ความทุลักทุเลของบรรดาส.ส.ที่ต้องใช้คำว่าหนีตายออกจากรัฐสภาเมื่อเจอแผน"ปิดประตูตีแมว" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายหลังจากใช้แก๊สน้ำตาทะลวงเปิดช่องเพื่อเข้าไปแถลงนโยบาย จนกลายเป็นเหตุการณ์"นองเลือด 7 ตุลาคม"

ท่ามกลางเสียงวิพาษ์วิจารณ์ของนักวิชาการและส.ส.ฝ่ายค้านที่ไม่เห็นด้วยและให้ยกเลิกการประชุมสภา"เลือด" แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สนใจกระแสรอบด้านและฝูงชนที่บีบเข้ามายึดสภาอีกครั้งหลังจากที่ตำรวจเข้าสลายเปิดทางให้ส.ส.และส.ว.เข้าประชุมฟังรัฐบาลแถลงนโยบาย เวลาประมาณ 11 โมงเช้า

ระหว่างที่นายกฯเร่งสปีดอ่านนโยบายพร้อมกระดกน้ำดื่มเพราะน้ำลายแห้งไหลไม่ทันกับการอ่านฉบับไฟแล่บ ทำให้คอแหบคอแห้ง อ่านข้ามไปหลายย่อหน้า พร้อมแรงสนับสนุนของประธานสภา นายชัย ชิดชอบ รับหน้าที่ให้การแถลงนโยบายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยการหาองค์ประชุมให้ครบ และต้องล้มไปในรอบแรกเพื่อดึงเวลาออกไปก่อนที่จะเริ่มใหม่ในอีก 10 นาทีต่อมาพร้อมจำนวนส.ส.เกิน 311 คน

ก่อนที่คำแถลงนโยบายสุดท้ายจบลงรัฐสภาก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯล็อคกุญแจ 3 ชั้น ล่ามโซ่ประตูรัฐสภาทุกด้านนำกองทัพมนุษย์สกัดกั้นทุกประตูเข้าออกรัฐสภา ราวกับว่าเป็นค่ายกักกันนักโทษสมัย "นาซี"

แต่ค่ายกักกันแห่งนี้ไม่ใช่นักโทษแต่เป็น บรรดา ส.ส.- ส.ว.เจ้าหน้าที่รัฐสภารวมถึงผู้สื่อข่าวที่เข้ามาทำข่าวติดอยู่ภายในรัฐสภาเพื่อฟังแถลงนโยบายของรัฐบาลติดอยู่ในวงล้อมผู้ชุมนุม
 
ท่ามกลางความหิวโหยอดยากไม่มีไฟฟ้า ปริมาณไฟสำรองที่มีอยู่จำกัดใช้ได้ 7 ชั่วโมงก็เริ่มหมดลงเรื่อยๆ อากาศในห้องประชุมเริ่มลดลงกลายเป็นเตาอบแทน

แรกๆก็ดูไม่มีใครกังวลสักเท่าไรออกมายืนดูเหตุการณ์
 
"อภิวันท์ วิริยะชัย" รองประธานสภา ยืนดูเหตุการณ์ที่ชั้นลอยรัฐสภา แอบตลกว่า "จะออกตีหนึ่ง" พร้อมออกมาดูปริมาณคนล้อมเป็นระยะ ซักพักก็บอกว่า "ขอเข้าไปคุยกะ มท.1 ต่อละกัน"

 
 
ส่วนนักข่าวก็ทำงานกันมืดๆในห้อง ข้าราชการสภาก็ออกมานั่งกันข้างนอกตึก นั่งกะพื้นตึก ทุกคนต่างหามุมเหมาะๆนั่งจับกลุ่มคุยกันแก้เหงา 
 
ส่วนผู้ที่ต้องรับศึกหนักกับคำถามซ้ำๆ "จะออกทางไหน" คือ "พิทูร พุ่มหิรัญ" เลขาสภาฯ ทำหน้าที่คล้ายๆฝ่ายธุรการ ทุกเรื่อง บอก"ทางออกนะมีแต่ต้องปีนกันหน่อยนะ" (ฮา)
 
บรรยากาศเริ่มเหหมือนค่ายกักกันนาซีทุกขณะ  

ส.ส. -ส.ว. ต่างพากันออกมาภายนอกอาคารเพื่อคลายความอึดอัดและความร้อนที่ระอุทั้งภายในจิตใจและภายนอกร่างกาย  เหงื่อตก เริ่มถอดสูทปลดเน็คไท พากันนั่งมองปลาคราฟในบ่อคลายเครียด พร้อมกับถอนหายใจเป็นระยะ ขนาด "บรรหาร ศิลปอาชา" หัวหน้าพรรคชาติไทยที่มีผู้ติดตามคอยนั่งพัดให้เย็นลง ยังออกปากบ่น"หายใจไม่ออก"
 
เมื่อนั่งทนร้อนกันพักใหญ่ก็ทนไม่ไหว บรรดารัฐมนตรี ก็สั่งพลขับสตาร์ทรถจอดอยู่กับที่เข้าไปนั่งรับแอร์เย็นฉ่ำในรถ รอให้คนมาช่วย! 
 
"ปู่ชัย" ไปนั่งตากแอร์รถสปอร์ตใครก็ไม่รู้

ระหว่างนั้นเอง นายสมชาย ผู้ที่พันธมิตรอยากให้ติดอยู่ภายในมากที่สุด กลับควงลูกสาวปีนรั้วออกไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ เหินฟ้าไปที่กองบัญชาการกองทัพไทยเพื่อร่วมประชุมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพประเมินสถานการณ์เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น
 
ส่วนเสธ.หนั่น(สนั่น ขจรประศาสน์) บอกว่า "ไม่ซีเรียส ออกยังไม่ได้ไม่เป็นไร" กำลังงงเมื่อนักข่าวถามว่านายกฯไปแล้วหรอค่ะ "เสธ.หนั่น" ก็ตอบว่า "ไปแล้วหรอ"

ปล่อยให้บรรดาลูกพรรคและพรรคร่วมต้องติดแหง็กอยู่ในอาคารรัฐสภา ท่ามกลางภาวะอดยาก แย่งกันรุมซื้อของใน "สภามินิมาร์ท" น้ำดื่มเกลี้ยงตู้ น้ำเปล่าขายเกลี้ยงตู้ น้ำอัดลม น้ำนมก็ทยอยหมดลงที่ละอย่างสองอย่าง ขนาดไม่เย็นเพราะไม่มีไฟฟ้าสินค้าที่ขายดีที่สุดก็คือ "มาม่า" แต่ไม่มีน้ำร้อนต้มก็เลยต้องกินมาม่าแห้งแทน ส่วน"ไอติม"ก็ขายดีไม่แพ้กัน   ส่วนโรงอาหารเปิดแค่สองร้านก็รุมกันซื้อกินจนเกลี้ยงไม่เคยปรากฏมาก่อน
 
กระทั่งแกนนำพันธมิตรเห็นใจเจ้าหน้าที่สภาบอกว่าจะปล่อยออกไปก่อน แต่ก็เกรงว่าจะส.ส.จะแฝงตัวออกมาด้วย ทำให้มีการประกาศให้เจ้าหน้าที่ตั้งแถวแขวนบัตรประจำตัวเพื่อสแกนคน ดูเจ้าหน้าที่ก็ว่าง่ายยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับอิสรภาพ เมื่อทุกคนเข้าแถวรอออกจากค่ายกักกัน
 
แกนนำคนที่จะให้ออกไปก็ประกาศว่า "เสียใจด้วยกุญแจประตูอยู่ที่ตำรวจ" 

ระหว่างนั้นเองส.ส.เริ่มอึดอัด เดินไปขอให้กลุ่มพันธมิตรเปิดทางออกเริ่มด้วยนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่บ่นตลอดเวลาว่า "ร้อนมาก" เห็นว่าพันธมิตรยอมให้นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.สรรหา ปีนรั้วออกไปได้ ก็เข้าไปขอบ้างแทนที่จะได้ออกไปกลับถูกน้ำสาดกลับมา แล้วยิ่งไปกว่านั้นนายสมศักดิ์หลบทันคนที่รับเต็มก็คือนักข่าวที่ตามติดมาทำข่าว

อยู่ดีไม่ว่าดีโผล่ไปให้กลุ่มพันธมิตรเห็นตัวเป็นๆ ความเครียดแค้นแทนเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บถึงขึ้นเลือดตกยางออกทำให้ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนไหวอีกรอบโดยการระดมยิงลูกเหล็ก ลูกแก้วเข้ามาในรัฐสภา แบบไม่ทันตั้งตัว

ทั้งนักข่าวและส.ส.ต่างพากันล้มลุกคลุกคลานคอยหลบกระสุนจากหนังสติ๊กที่ระดมยิงเข้ามา "ป๊อกแป็กๆ"เป็นระยะๆ  "ปู่ชัย" เริ่มไม่ไหว หอบสังขารปีนรั้วสูงถึง 2 เมตรกว่าๆ  เพื่อข้ามไปยังพระที่นั่งวิมานเมฆก่อนจะหลบม็อบออกไปได้สำเร็จ และมีเจ้าหน้าอีกหลายคนที่ปีนไปช่องเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่หญิงส่วนใหญาจะนุ่งกระโปรงทำให้ลำบากในการปีนบางคนปีนข้ามไปสำเร็จแต่กลับทิ้งกระโปรงเอวยางยืดห้อยต่องแต่งอยู่บนรั้ว เจ้าหน้าที่ชายต้องถอดเสื้อสูทให้คลุมชั่วคราวก่อนปลดกระโปรงลงมา

ขณะที่ด้านหน้าทุกคนเริ่มเคลื่อนเข้ามาหลบในอาคารอีกครั้ง ต้องพบกับปัญหาอีกอย่างเมื่อชักโครกกดไม่ลง เมื่อไฟดับก็พลอยทำให้น้ำไหลช้าไปด้วย "ถึงก่อนมีสิทธิก่อน" ฝาชักโครกห้องไหนปิดลงเป็นอันรู้กันว่ากดไม่ค่อยลงไม่พร้อมให้บริการ ขนาด ดร.มั่น พัธโนทัย รมว.ไอซีที ยังถือกระโถนลายเบญจรงค์เดินลงจากรถพร้อมขวดน้ำดื่มมาเทเขย่าๆก่อนกลับขึ้นรถ เดาอาการไม่ถูกว่าอะไร

ระหว่างนั้นเองเสียงตูมตาม ! ก็เริ่มดังขึ้นต่อเนื่องฝั่งถนนราชวิถี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเปิดทางออกอีกครั้งหลังจากที่เปิดทางเข้ามาแล้วรอบหนึ่ง เป็นการส่งสัญญาณดีว่าคนที่ถูกกักกันอยู่ภายในกำลังจะเป็นอิสระ

ขบวนรถของ รมต.- ส.ส.- ส.ว.เริ่มตั้งแถวจ่อที่ประตูฝั่งสามแยกพิชัย ถ.ราชวิถี เตรียมเคลื่อนตัวเร็ว แต่ก็ต้องรอนานกว่า 2 ชั่วโมงกว่าประตูจะเปิดออก ขบวนรถต่างพากันพุ่งออกจากประตูชนิดที่ไม่แตะเบรกเลี้ยวซ้ายและตรงไปขณะที่ฝั่งขวากลุ่มพันธมิตรกำลังขับเขี้ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่นถอยออกไป เจ้าหน้าที่และกลุ่มนักข่าวพากันวิ่งกระเจิงออกมาจากประตูโดยเพื่อขึ้นรถบัสที่จอดรอรับอยู่แล้ว ท่ามกลางกลุ่มควันของแก๊สน้ำตา ขึ้นมานั่งน้ำตาไหลพรากในรถบัสหลังจากที่ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
 
นักข่าวบางคนก็วิ่งกระเจิงไปถึงหน้ารพ.วชิระ เพื่อไปขึ้นรถเมล์สาย 9 ก็เจอ ส.ส.พปช.หลายคนที่ลงทุนเปลี่ยนเสื้อผ้าสลัดคราบ ส.ส.ทิ้ง กลัวกลุ่มผู้ชุมนุมจำได้  
 
ระหว่างที่กลุ่มแรกถูกปล่อยตัวออกมาได้นั้นกลุ่มพันธมิตรก็ลุกฮือเคลื่อนขบวนมาปิดประตูยึดพื้นที่ได้อีกครั้ง ทำให้ ส.ส.-ส.ว.ที่ช้า ยังไม่กล้าออกมาหรืออาจจะเพราะว่าขบวนรถอยู่ท้ายแถวออกไม่ทันต้องเข้าไปหลบพักตั้งหลักกันอีกครั้ง เมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้วก็พากันลงความเห็นว่าคงไม่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเปิดทางให้อีกเป็นรอบที่ 3

นำทีมโดย นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการพร้อม ส.ส.อีกจำนวนหนึ่งตัดสินใจพากันปีนรั้วออกพร้อมกับกลุ่มนักข่าวและแม่ค้ารวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายที่หนีออกมาพร้อมกับกระแสไฟฟ้าเฮือกสุดท้ายดับลงลาไปพร้อมกับแสงสุดท้ายของวัน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์