สุเทพ-มาร์คลั่นสู้-ยันไม่ต่อรองนิรโทษ

'สุเทพ-อภิสิทธิ์'ลั่นพร้อมร่วมมือ'ดีเอสไอ'มั่นใจทำตามอำนาจศาล ไม่ยอมเป็นข้อต่อรองนิรโทษกรรม ยันเข้าแจง 13 ธ.ค.นี้ ด้าน'ธาริต'รับมีเสียงวิจารณ์ไม่ตั้งข้อหาให้ตัว

สุเทพ-มาร์คลั่นสู้-ยันไม่ต่อรองนิรโทษ


             นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) แถลงข่าวกับสื่อเรื่องตั้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์กับตน หลังจากที่ปิดสมัยประชุมไม่กี่วันมาดำเนินคดีกับพวกเราทั้ง 2 คน เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศคาดหวังได้ว่าเขาต้องทำอย่างนี้แน่ ๆ เพราะก่อนหน้านี้มีการแถลงมาเป็นระยะ ๆ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ แถลงก่อนว่า จะดำเนินคดี พวกตน 2 คน และนายธาริต เองก็กล่าวมาหลายหน และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับประชาชน เพราะฝ่ายรัฐบาลและดีเอสไอ จะไปแอบอ้าง ว่า ตนกับนายอภิสิทธิ์ หลบหนีหมายไม่ยอมรับหมาย ตนเลยตัดสินใจโทรศัพท์ไปหานายธาริต คนที่เคยทำงานเป็นกรรมการ อยู่ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ร่วมกับตนมาก่อน ทำให้มีเบอร์โทรศัพท์ ตนจึงโทรไปหานายธาริตท ซึ่งเป็นเบอร์เดิม ตนได้โทรไปตามหมายเลขนั้น และไม่เคยติดต่อกับนายธาริต มาก่อนหลังจากที่พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ


             นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนได้โทรไปคุยกับนายธาริต ว่า คุณได้ออกแถลงข่าวว่า จะออกหมายเรียกนายอภิสิทธิ์กับตนและให้เจ้าหน้าที่หรือลูกน้องไล่ถามหาว่าจะไปยื่นหมาย ที่ไหน ซึ่งตนยินดีให้ความร่วมมือกับนายธาริต และดีเอสไอ เพราะตนเป็นคนดี ต้องการปฏิบัติตามกฎหมาย เลยให้มายื่นหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้(7ธ.ค. )ในเวลา 08.30 น. แต่ปรากฏว่านายธาริต ไม่มาให้พนักงานชั้นผู้น้อย คือ ร.ต.อ.ปิยะ มาคนเดียวน่าสงสาร เอาหมายมาให้นายอภิสิทธิ์กับตน ที่เวลาแถลงข่าวใหญ่โตแถลงได้ วันนี้คิดว่านายธาริตจะมาส่งหมายเอง กลับไม่มา


            “ ผมขอบคุณ นายธาริต ที่ไม่ได้ออกข่าวว่าพวกผมหลบหนี ไม่รับหมาย และส่งเจ้าหน้าที่มายื่นหมายกับผม ขอบคุณนายธาริต ผมเห็นว่าทำถูกต้องเป็นครั้งแรก ที่ได้แถลงเรื่องคดีนี้ คือ นายธาริตแถลงว่า จะไม่ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จะเอาเจ้าหน้าที่เหล่านั้นกันไปไว้เป็นพยาน มุ่งที่จะดำเนินคดีกับผมและนายอภิสิทธิ์ ในฐานะที่เป็นผู้สั่งการนายธาริต และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้สร้างความทุกข์ยากทุกข์ใจให้กับครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงปี 2552-2553 เพราะได้แสดงอาการเหมือนข่มขู่บังคับเรียกไปเขาสอบ แล้วบอกว่าหากไม่ปรักปรำผม 2 คนก็จะดำเนินคดีทุกคนทั้งหมด” นายสุเทพ กล่าว


              นายสุเทพ กล่าวต่ออีกว่า การที่นายธาริต แถลงเมื่อวานชัดเจนว่าจะไม่ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตนจึงรู้สึกขอบคุณ และขอร้องว่าอย่าได้สร้างความทุกข์ยากลำบากใจให้กับเจ้าหน้าที่เหล่านั้น เรื่องนี้ตั้งใจจะทำให้เป็นเรื่องการเมือง ก็มุ่งเป้ามาที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เลย ตน 2 คนก็จะไปมอบตัวรับทราบข้อหาและจะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป เจตนาที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างนี้จึงทำให้ตนโทรศัพท์ไปหานายธาริต และนัดให้มาที่พรรค


            ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วงที่นายธาริตแถลงข่าว ตนปฏิบัติภารกิจอยู่ที่แม่สอด ซึ่งทราบเรื่องจากสื่อและได้ประสานไปยังนายสุเทพ เพื่อประสานไปยังนายธาริต เพราะทราบว่านายธาริตแถลงข่าวได้ลงลึกไปในข้อกล่าวหา ระบุถึงเหตุการณ์ปี 53 ซึ่งไม่มีการแถลงรายละเอียดซึ่งเกรงว่าประชาชนจะสับสน ตนขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวตนและนายสุเทพปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ

            ในขณะนั้น ที่เกิดการชุมนุม ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการทางกฎหมายโดยการขออำนาจศาลเช่นเดียวกับผู้ชุมนุมที่ขอให้ศาลให้ความคุ้มครอง ซึ่งทุกกรณีที่ไปถึงศาล ศาลก็ได้วินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมที่เกินเลยขอบเขตของรัฐธรรมนูญและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตนและนายสุเทพจึงมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง แต่เมื่อสถานการณ์การชุมนุมลุกลามจึงมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้การบังคับบัญชาเป็นไปตามโครงสร้างของกฎหมาย ซึ่งนโยบายที่มอบก็มีความชัดเจนคือไม่มีการเข้าไปสลายการชุมนุม และให้ปฏิบัติงานโดยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเกิดความสูญเสีย ซึ่งนายธาริต น่าจะทราบดีเพราะเป็นกรรมการ ศอฉ.ด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์