ไอทีวีหวั่นสปน.ล้มสัมปทาน โร่ร้องศาลปกครองคุ้มครอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (20 ก.พ.) นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราว

กรณีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จะใช้สิทธิยกเลิกสัญญาสัมปทานกับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หากไม่จ่ายค่าปรับและดอกเบี้ยจำนวน 100,000 ล้านบาท ภายในวันที่ 6 มี.ค.นี้

เหตุผลที่ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากเห็นว่า การที่ สปน. ให้จ่ายค่าปรับและดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม ผิดสัญญาและข้อกฎหมาย เพราะบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้เป็นลูกหนี้ค่าปรับและดอกเบี้ย

เนื่องจากการปรับผังรายการ ได้ดำเนินการตามสัญญาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ควรต้องเสียค่าปรับ และหากจะเสียก็ไม่ควรเกิน 300 ล้านบาท ไม่ใช่แสนล้านบาท ตามที่ สปน. ระบุ แนวคิดของ สปน. เป็นเรื่องการจ่ายค่าปรับและดอกเบี้ย

มีสาระสำคัญที่แตกต่างกัน กับที่ระบุในสัญญาเรื่องค่าปรับ อีกทั้งตามสัญญาข้อ 15 ระบุว่า หากไม่สามารถตกลงกันได้ตามสัญญา ให้นำข้อพิพาทดังกล่าวนำเข้าสู่อนุญาโตตุลาการชี้ขาด

ในเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ยก็ไม่มีศาลฯใดชี้ขาด เพราะก่อนหน้านี้ คำพิพากษาศาลปกครองระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นการพิจารณาชี้ขาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ยที่คู่สัญญาต้องไปว่ากันเอง บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นข้อพิพาทไปยังสถาบันอนุญาโตตุลาการ

ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของอนุญาโตตุลาการ จึงขอให้ศาลปกครองมีคำสั่ง

1.ระงับการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาของ สปน. จนกว่าอนุญาโตตุลาการชี้ขาด และให้ข้อพิพาทถึงที่สุดตามข้อกฎหมายก่อน

2.ขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งกำหนดเวลาให้ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ชำระค่าสัมปทานที่ค้างจ่ายจำนวน 2,210 ล้านบาท ภายใน 30 วัน นับแต่ศาลมีคำสั่งในข้อที่ 1.

"การที่ สปน. กำหนดให้ไอทีวีจ่ายเงินค่าปรับและดอกเบี้ยจำนวนแสนล้านบาท ภายในวันที่ 6 มีนาคม ทำให้ไอทีวีไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ จึงเป็นเหตุผลที่ยื่นขอต่อศาลให้คุ้มครองชั่วคราว เพราะที่ผ่านมา ไอทีวีพยายามเจรจากับ สปน. มานานพอสมควร แต่ สปน. ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม

และขณะนี้ก็ใกล้เวลาที่ สปน. กำหนด ไอทีวีจึงจำเป็นต้องดำเนินการปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นกว่า 1 หมื่นราย พนักงานบริษัทกว่า 1,000 คน และผู้ชมไอทีวีอีกจำนวนมาก จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมครั้งสุดท้าย เป็นการขอความเห็นใจ ไม่ใช่เป็นการซื้อเวลา เพราะถ้าศาลฯมีคำสั่งอย่างไรก็น้อมรับ"

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ