กลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ ถอดชนวนการเมืองเจอทางตัน

เป็นแรงกระเพื่อมประการหนึ่งในทางการเมือง


เมื่อนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้ากลุ่มลำตะคอง ได้ประกาศจับมือกับ นายพินิจ จารุสมบัติ หัวหน้ากลุ่มวังพญานาค นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ นายสุวิทย์ คุณกิตติ และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ตั้ง กลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ทางการเมือง ในงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 52 พร้อมกับนำทัพอดีต ส.ส.กลุ่มลำตะคองรวม 30 ชีวิต ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยไปพร้อม ๆ กันด้วย

ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะ หากมองแบบผิวเผินก็เชื่อ

ได้ว่าน่าจะเป็นการรวมกลุ่มของนักการเมืองในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในราวปลายปี 2550 ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไร

ในเรื่องนี้นายสุวัจน์ ได้อธิบายว่า


เมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไป และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุติบทบาททางการเมืองและมีคนอื่นมาบริหารงานแทน จึงต้องทบทวนบทบาทกันใหม่การลาออกครั้งนี้เนื่องจากได้วิเคราะห์ว่าจะช่วยให้สถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดได้คลี่คลายลง

อย่างน้อย ก็ช่วยลดความแตกแยก ลดปัญหาคลื่นใต้น้ำ


จากการที่แกนนำกลุ่มต่าง ๆ ได้หารือกันแล้วเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไป โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง แกนนำสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ จึงได้ตกลงกันที่จะเป็นแนวร่วมเพื่อสร้างความสมานฉันท์ทางการเมือง

ขณะที่นายพินิจ ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า


กลุ่มดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาจะตั้งเป็นพรรคการเมืองเพื่อมาสืบทอดอำนาจให้ใคร เพียงแต่เป็นการรวมตัวของคนในวงการเมือง เพื่อช่วยกันสนับสนุนการยกร่างรัฐธรรมนูญให้สำเร็จลุล่วง และนำประเทศกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง

หากไม่ใช่การรวมกลุ่มตั้งพรรคเพื่อรองรับการเลือกตั้ง ก็ต้องวิเคราะห์ต่อไปว่า การรวมตัวของนักการเมืองประเภทขิงแก่ จริง ๆ แล้วกำลังคิดอะไร

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า


รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีสภาพ เป็นขมิ้นอ่อน ขณะที่ คมช. ก็ไม่ต่างจากแป้งโกกิ เมื่อรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ยังห่างชั้นไม่ทันเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายขุม โดยเฉพาะรู้ไม่เท่าทันเกม กวนน้ำให้ขุ่น เพื่อไม่ให้อำนาจตกตะกอน

กลยุทธ์กวนน้ำให้ขุ่น


ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ผลตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ผู้คนไม่ลืมพรรคไทยรักไทย บางส่วนก็หวังจะให้กลับมาบริหารประเทศด้วยนโยบายประชานิยมอีกครั้ง นอกจากนี้ทำให้ขมิ้นอ่อนชุบแป้งโกกิ หวาดระแวงต้องคอยแก้ เกม จนไม่มีเวลาไปสร้างผลงานหรือทำความเข้าใจกับประชาชนในระดับรากหญ้า ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว

เพราะอย่าลืมว่า


ในทางการเมือง ประชาชนจะต้องตัดสินใจเลือกเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เมื่อรัฐบาลใหม่ไม่สามารถเข้าไปแทนได้ ดังนั้นพรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สามารถรักษาพื้นที่ของตัวเองไว้ได้ จึงไม่แปลกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เยาะเย้ยผ่านนิตยสารไทม์ด้วยถ้อยคำที่ว่า หากเลือกตั้งอีก เขาก็จะเป็นผู้ชนะอีก

เมื่อขมิ้นอ่อนชุบแป้งโกกิ ไม่ประสีประสาต่อเกมการเมือง


โดยปล่อยให้คะแนนนิยมไหลรูดลงไปเรื่อย ๆ อำนาจและความชอบธรรมก็จะถดถอยตามไปด้วย เมื่ออำนาจและความชอบธรรมถอยลงไป หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ก็จะเป็นช่องให้ฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถ เปิดเกมรุกด้วยการเคลื่อนของพลังมวลชน ถ้า คมช. หวั่นวิตกในประเด็น นี้ ก็จะสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มเติมด้วยการใช้อำนาจทางทหาร ซึ่งอาจเกิดการ ปะทะแตกหัก

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่


กลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ทางการเมือง จะต้องไปรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่ผู้ร่วมก่อการรัฐประหารยึด อำนาจ ในทางตรงกันข้ามเคยเป็นรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารด้วยซ้ำ แต่จำเป็น ต้องเคลื่อนไหวเพื่อลดปัญหาแทรกซ้อน อย่างน้อยก็ทำให้ฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยย่อตัวลง เพราะมี อดีต ส.ส. กลุ่มนี้แยกตัวออกมาอีก 30 คน


อย่างน้อยเป็นการส่งสัญญาณไปถึงประชาชน


ในพื้นที่ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออก ที่ยังยึดติดกับพรรคไทยรักไทยให้พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ มองเห็นประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับจากการเลือกตั้ง

อย่างน้อยการสร้างบรรยากาศสมานฉันท์ จะช่วยให้การร่างรัฐธรรมนูญผ่านไปด้วยดี และการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว ยิ่งการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วเท่าใด ก็จะเป็นการส่งทหารกลับเข้ากรมกองได้เร็วเท่านั้น ประการสำคัญ ทำให้นักการเมืองกลับ เข้ามามีบทบาทตามระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง แทนที่จะลอยเคว้งอย่างเช่นทุกวันนี้.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์