สนธิ ลั่นจะกู้สมบัติชาติคืนจาก สิงคโปร์

พล.อ.สนธิ ปลุกอุดมการณ์รักชาติ ลั่นจะกู้สมบัติชาติดาวเทียมไทคม 1.4 แสนล้าน คืนจากสิงคโปร์ ระบุเห็นด้วยนายกฯ ดึง"สมคิด"มาช่วยงาน

ที่สโมสรทหารบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาว่า อนาคตอยากเห็นผู้นำเป็นคนกล้าและมีความจงรักภักดี และกตัญญูต่อประเทศชาติ เพื่อนำไปสู่การบริหารงานให้เกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัฒน์

ซึ่งสมบัติตรงนี้อยากได้คืนมา ซึ่งจะนำกลับคืนมาให้ได้โดยเฉพาะดาวเทียม

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้กู้แผ่นดินแต่จะกู้สมบัติของชาติคืนมา ก่อนตายอยากเห็นประเทศไทย เป็นประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

ต่อมา ให้สัมภาษณ์ภายหลังปาฐกถาว่า การพูดวันนี้เป็นการเริ่มต้น เพื่อจะนำไปสู่ความสำเร็จที่เราต้องการไว้

ดังนั้น เราคงทำคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้ภาคประชาชนและทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม ตอนนี้จะเห็นว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ถือว่าเป็นฐานของการนำไปสู่ภาครวม และทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นส่วนหนึ่ง ก็จะกระจายไปสู่จังหวัดต่างๆ ด้วย

เมื่อถามว่า การที่จะเอาสมบัติชาติคืนโดยเฉพาะดาวเทียมจะเริ่มต้นอย่างไร

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนอยากได้เฉยๆ ตนมีหน้าที่ในการกู้ชาติ กู้แผ่นดิน และกู้สมบัติชาติ

เมื่อถามว่า จะช่วยกันปลุกกระแสประชาชนในการทวงคืนอย่างไร

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ยังไม่รู้ถึงวิถีทางเพียงแต่มีความต้องการ

เมื่อถามว่า ท่านมองอย่างไรในการรักชาติของคนไทย ที่ขณะนี้ลดน้อยถอยลงไป

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงไม่ถอย แต่อาจจะยังไม่เข้าใจครบถ้วน

เมื่อถามว่าท่านระบุว่า ประเพณีวัฒนธรรมของไทยมีการก้าวกระโดด เพราะเกิดจากสังคมเปลี่ยนแปลง

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด คือการเจริญเติบโตของเราทางด้านเศรษฐกิจในสภาวยุคโลกาภิวัฒน์ มันมาสู่ประเทศไทย ซึ่งคนไทยก็กระโดดเข้าไปสู่ยุคโลกาภิวัฒน์หรือยุคเทคโนโลยี บางทีมันทำให้เราข้าม หรือเราทำให้วัฒนธรรมประเพณี ศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผูกใจกันเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในบางเรื่อง ทำให้มันข้ามหายไป

เมื่อถามว่า ถือว่าท่านเป็นขุนพลในการกู้ชาตินานหรือไม่

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตน เป็นหน้าที่ของกองทัพ และหน้าที่ของประชาชนทั้งประเทศในการที่จะกู้ชาติ กู้แผ่นดิน

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคนไทยเกิดความแตกแยก และไม่สามัคคีกันจึงต้องหันกลับมากอบกู้อีก

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนพูดถึงภาระหน้าที่ของกองทัพ ที่มีหน้าที่ในการกู้ชาติปกป้องชาติบ้านเมือง ฉะนั้น อะไรก็ตามที่สูญเสียหรือเสียหาย จะต้องเอาของเราคืนมา เท่านั้นเอง เป็นสิ่งที่เราต้องปลูกฝังอุดมการณ์ นี่คือแรงจูงใจ ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกัน ตนพูดถึงแรงจูงใจ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดและกลายเป็นเรื่องอื่นไป

เมื่อถามถึงกรณี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรื่องของการทำงานเป็นทีม ถ้าเรามีคนที่มีขีดความสามารถหลายคนมาร่วมกันช่วยกันคิด คิดว่าจะทำอะไรดีขึ้น

เมื่อถามว่า การเชิญนายสมคิดมาช่วยด้านเศรษฐกิจมีการหารือกับนายกฯ หรือไม่

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ทราบมาก่อน เมื่อถามว่ามองอย่างไรในการดึงตัวทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดเก่ามาใช้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ถือเป็นความสมานฉันท์เป็นสิ่งที่ดี

เมื่อถามอีกว่า เกรงหรือไม่ว่านายสมคิด จะมาชุบตัวกับรัฐบาลชุดนี้

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราอย่าไปมองอย่างนั้นให้มองว่าเราทุกคนมาช่วยกัน เพื่อชาติบ้านเมืองดีกว่า

เมื่อถามว่า จะมีการดึงตัวรมต.จากรัฐบาลเก่ามาร่วมทำงานอีกหรือไม่

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติก็ดี เมื่อถามว่า หมายความว่า อดีตรมต.รัฐบาลชุดเก่า ถ้าอาสาเข้ามารับใช้ชาติเราก็ยินดี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ยินดี แต่ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯแต่ตนเห็นด้วยกับการนำคนเก่งมาช่วยทำงาน

เมื่อถามว่า การที่เชิญนายสมคิด มาทำงานด้านเศรษฐกิจแสดงว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจยังแก้ไม่ตรงจุด

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การที่เชิญนายสมคิดมาช่วยกัน หมายความว่ามันจะค่อยๆ พัฒนาไป อะไรที่ตรงหรือไม่ตรงก็ค่อยไปคิดกัน

ต่อข้อถามว่า จะเป็นการหักหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และรมว.คลัง หรือไม่

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนคิดว่าช่วยกัน เพราะว่าคนเราถนัดไม่เหมือนกัน

จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ