ธาริตยันดีเอสไอไม่เปลี่ยนสี เอาผิดทั้งฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์-เสื้อแดง

ธาริตยันดีเอสไอไม่เปลี่ยนสี เอาผิดทั้งฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์-เสื้อแดง


เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ


 แถลงข่าวกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมตรี ออกมาระบุว่า ดีเอสไอตั้งธงการดำเนินคดีและจะแจ้งข้อกล่าวหาว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ระบุว่าการที่ดีเอสไอโดยนายธาริต จะแจ้งข้อหาความผิดฐานก่อให้บุคคลอื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลว่าเป็นการตั้งธงที่มุ่งหมายจะเล่นงานนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้น ตนอยากบอกว่า ดีเอสไอเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ในเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างรุนแรง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ได้ถูกยกระดับให้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอก็มีหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกคนและทุกฝ่าย


นายธาริตกล่าวว่า อยากจะขอทบทวนความทรงจำของนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมถึงสาธารณชนว่า ช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนั้น ไม่ใช่ดีเอสไอหรอกหรือ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์ยุติลงได้ ด้วยการดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและจริงจังกับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะกลุ่มฮาร์ดคอร์ของ นปช. ดีเอสไอดำเนินคดีฐานก่อการร้าย ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ฐานกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของราชการทหารอย่างไม่มีละเว้น มีผู้ต้องหาจำนวนกว่า 100 คนถูกจับกุมถูกดำเนินคดี จนอัยการสั่งฟ้องคดีและศาลก็รับฟ้องคดีไว้พิจารณา ดีเอสไอไม่ควรกล่าวถึงคดีเหล่านี้ เพราะเรื่องพ้นมือดีเอสไอแล้ว และอยู่ระหว่างศาลสืบพยาน อาจเป็นกลายเป็นการละเมิดอำนาจศาล


"ตอนนี้พวกฮาร์ดคอร์เหล่านั้นกำลังถูกศาลพิจารณาคดี สุดท้ายจะมีความผิดอย่างไร ต้องรับโทษเพียงใด ก็จะปรากฏผลในที่สุด แต่ดูเหมือนว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะลืมไปแล้ว แน่นอนดีเอสไอไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าวันนี้เราไม่พูด ทุกคนจะลืมหมด แล้วทุกคนก็จะคิดว่านายธาริตคนนี้มุ่งจะเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์" นายธาริตกล่าว

    
นายธาริตกล่าวอีกว่า เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีการสูญเสียอย่างมากทั้งชีวิตและร่างกาย ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน เสียชีวิตจำนวนมาก บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 ราย ซึ่งอาจเกิดจากต้นเหตุความผิดของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือพวกฮาร์ดคอร์ นปช. และฝ่ายรัฐในขณะนั้นคือผู้บริหาร ซึ่งดีเอสไอก็เข้าทำคดีโดยเสมอภาค คดีฝ่ายรัฐที่มีความล่าช้าจนถึงตอนนี้ เพราะขั้นตอนตามกฎหมายที่เนิ่นนานกว่า ต้องส่งศาลไต่สวนเหตุการณ์ตายก่อนว่าเกิดจากฝ่ายรัฐหรือไม่ จึงดูเหมือนว่าดีเอสไอมุ่งเล่นงานแต่พวกฮาร์ดคอร์ของ นปช. แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ดีเอสไอทำงานตรงไปตรงมาตั้งแต่ต้น


"ผมขอเปิดเผยความลับเลยละกัน ตอนนั้นดีเอสไอทำสำนวนคดีว่าการตายของพลเรือนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐมากน้อยเพียงใดและเพราะเหตุใด ในสมัยท่านอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี นี้คือสิ่งที่ผมไม่เคยพูด ผมได้เข้าไปพบรายงานท่านเองว่า เบื้องต้นดีเอสไอพบ 11 ศพแล้วที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ตาย ผมจึงเรียนท่านว่าต้องส่งศาลไต่สวน ท่านก็บอกเห็นด้วยและสั่งให้ผมไปชี้แจงกับฝ่ายทหารด้วย ผมก็ไปชี้แจง แล้วการสอบสวนจากวันนั้นมาถึงวันนี้มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้ 36 ศพแล้ว ที่ดีเอสไอเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการตาย" นายธาริตกล่าว


นายธาริตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งเป็นศพแรกว่า การตายของนายพัน คำกอง เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติการตามคำสั่ง ศอฉ. ซึ่งเป็นผลที่ข้อเท็จจริงยุติโดยศาล ดีเอสไออยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อตามข้อกฎหมาย ต้นตอก็ต้องมุ่งไปที่ผู้รับผิดในการออกคำสั่ง ศอฉ. สิ่งนี้คือการดำเนินคดีแบบเสมอภาค


"ไม่มีใครอยากฆ่าใครหรอก เรื่องที่เกิดขึ้น ฮาร์ดคอร์ นปช.ก็ไม่ได้อยากฆ่าทหาร ตำรวจ ทหาร หรือคนออกคำสั่งก็ไม่ได้อยากฆ่า นปช.ฮาร์ดคอร์ แต่เมื่อฮาร์ดคอร์ของ นปช.ทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี และเมื่อผู้รับผิดชอบฝ่ายรัฐในขณะคือ ฝ่ายบริหาร ศอฉ.ออกคำสั่งไม่รอบคอบ จนอาจเข้าข่ายก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน ผมขอความเป็นธรรมให้ดีเอสไอด้วย และขอเน้นย้ำว่าดีเอสไอไม่ได้ทำงานตามลำพัง ผมพูดหลายครั้งทำไมต้องมาผูกกับนายธาริตคนเดียว  เราทำงาน 3 ฝ่าย คือ ตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการ ทุกอย่างจะแจ้งข้อหาใคร ฐานอะไร ต้องมีมติ 3 ฝ่ายร่วมกัน เป็นเช่นนี้ทุกเรื่องทุกคดี ทั้ง นปช.ฮาร์ดคอร์ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เสมอภาคกัน" นายธาริตกล่าว


นายธาริตยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอถูกโจมตีมาก สาธารณชนอาจเข้าใจผิดได้ว่ากระบวนยุติธรรมผิดเพี้ยนเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อสังคม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่วนหนึ่งเสียขวัญ เพราะทำงานตรงไปตรงมาเลยถูกกลุ่มคนเกลียดชัง ทั้งฝ่ายเชียร์ นปช.และฝ่ายเชียร์นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น


นายธาริตกล่าวอีกว่า รายงานของ คอป.หน้า 193 ข้อ 2.6.8 เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อทาง ศอฉ.ได้มอบหน้าที่ได้กับเจ้าหน้าที่รัฐไปปฏิบัติการแล้ว จากการสอบถามผู้นำระดับสูงของ ศอฉ.จากทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายปฏิบัติ ปรากฏว่าไม่มีการตรวจสอบผลและการประเมินการปฏิบัติการโดยวิธีอื่นใด นอกจากวิธีการรายงานตามสายงาน ทั้งๆ ที่มีระยะเวลาในการปฏิบัติการยาวนาน 2 เดือน เมษายน-พฤษภาคม ซึ่งหากอ่านจากรายงานของ คอป.ก็ระบุชัดว่าคำสั่งการของ ศอฉ.ก็บกพร่อง ทั้งนี้รายงาน คอป.หน้า 243 ข้อ 5.2.2 คอป.เห็นว่าการกระทำความผิดตามกฎหมาย ผู้กระทำต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายที่เหมาะสม หากมีการกระทำผิดทางอาญาเกิดขึ้น ผู้กระทำผิดโดยรับผิดชอบต้องรับผิดทางอาญา 


"ในสังคมหรือในห้องนี้มีความรักชอบแต่คนละกลุ่ม ไม่เหมือนกัน ตกลงเราจะเอายังไงครับ ฮาร์ดคอร์ นปช.ผิดฝ่ายเดียว หรือผู้บริหาร ศอฉ.ผิดฝ่ายเดียว ข้อเท็จจริงวันนี้มันปรากฏ นปช.ถูกดำเนินคดี อัยการสั่งฟ้องคดีอยู่ในศาลโอกาสติดคุกก็มี ด้านเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ถูกดำเนินคดีเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะมันมีขั้นตอนไต่สวนของศาล แล้วขณะนี้ขั้นตอนการไต่สวนของคดีจบแล้วและศาลชี้แล้วว่า เหตุการตายมันเกิดจากคำสั่ง ศอฉ. และ คอป.ก็บอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐบกพร่อง ดีเอสไอฝ่ายดำเนินคดีก็ดำเนินต่อ ต้องมีการรับผิดทางคดีอาญา มันก็ต่างคนต่างผิด  ผิดมากผิดน้อยก็ว่ากันไป แล้วกองเชียร์จะเอายังไง กองเชียร์ฝ่ายแดงบอกว่าฝ่ายบริหารต้องผิด กองเชียร์ฝ่ายบริหารบอกว่าแดงผิดหมด แบบนี้มันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เหตุที่เกิดขึ้นต่างคนต่างผิด แต่ต่างกันที่บริบท ดีเอสไอก็ทำงานเสมอภาค ทำไปทำมาดีเอสไอถูกเกลียดหมด เพราะทั้ง 2 กลุ่มก็ไม่ชอบดีเอสไอ ตอนนี้เดินไปไหนมีแต่คนเกลียดชัง แดงไม่ชอบ ฝ่ายเชียร์นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพก็ไม่ชอบ" นายธาริตกล่าว


นายธาริตยังกล่าวว่า คดีของนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์กำลังจะกลายเป็นคดีที่ 1 เป็นคดีที่ 1 เพราะศาลไต่สวนการตายของนายพันเสร็จแล้ว เป็นคดีแรกที่กำลังจะเริ่มต้นตามกฎหมาย ส่วนคดีของฝ่ายแดง ทั้งหมด 213 คดี เหตุก่อการร้ายก่อวินาศกรรม 64 คดี วางเพลิง 62 คดี และคดีอื่นๆ จำนวนหนึ่ง ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมบางคนถูกศาลตัดสินแล้ว 259 คน


"ฝ่ายแดงโดนเข้าไป 213 คดี คนบริหาร ศอฉ.กำลังจะโดนคดีแรก ด่านายธาริตเสียหาย เราลืมอะไรกันไปรึเปล่าครับ ทำไมไม่ดูเหตุการณ์ย้อนหลังกลับไป 2 ปี แล้วว่าดีเอสไอทำงานยังไง แล้วมันจะตั้งธงหรือรับใบสั่งใคร เรื่องเกิดขึ้นกลางบ้านกลางเมืองใหญ่โตขนาดนี้ มันโกหกได้หรือครับ กฎหมายดีเอสไอเขียนชัดเจน ถ้าทำผิดกฎหมาย ต้องรับโทษ 3 เท่า ผมไม่เสียสติหรอกที่จะทำอะไรแล้วต้องไปอยู่ในคุกหรอกครับ ผมแค่เรียนให้ทราบเพื่อความสบายใจ เพราะเพื่อนญาติพี่น้องก็ตั้งคำถามผมว่าทำอะไรอยู่ เป็นอะไร ผมจึงต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมทราบ นายธาริตไม่ได้เปลี่ยนสีหรอกครับ ดีเอสไอก็ไม่ได้เปลี่ยนสี อัยการ ตำรวจ ที่มาทำงานกับเราก็ไม่ได้เปลี่ยนสี เรามีสีเดียวคือสีข้าราชการ เราไม่เอาตัวเสี่ยงติดคุกติดตะรางแทนคนอื่น" นายธาริตกล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของนายธาริตได้แถลงด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน โดยระบุว่าได้เขียนร่างคำแถลงข่าวครั้งนี้ด้วยตนเอง และในท้ายคำแถลงยังระบุว่า "ขอเพื่อนสื่อมวลชนได้โปรดลงข้อความที่ได้แถลงอย่างครบถ้วนด้วย" และยังย้ำหลายครั้งในการแถลง 


รายงานข่าวแจ้งว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เนื่องจากนายธาริตได้ตอบข้อซักถามกับเพื่อนร่วมรุ่น วปรอ.หลายคนเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากนายสุเทพออกให้สัมภาษณ์ รวมทั้งญาติของตนเองได้โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์ ซึ่งนายธาริตได้อธิบายเหตุผลทั้งหมดเช่นเดียวกับที่แถลงครั้งนี้ ดังนั้นญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด จึงแนะนำให้นายธาริตแถลงข้อเท็จจริงเพื่อให้สังคมรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์