‘เหลิม’แนะ‘ชาดา’พาพยานรีบให้ปากคำ สั่งตร.สอบทุกประเด็น

วันที่ 22 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี

ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าคดีนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ บุตรชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ถูกยิงเสียชีวิต ว่า เช้าวันนี้ตนได้รับรายงานจากพล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภาค 3 และ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.นครราชสีมา แล้วว่าได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวน และตั้งแนวทางสอบไว้ 2 แนวทางคือ แนวทางแรกมีการติดตามไปลอบทำร้ายกันจนนำมาซึ่งความตาย แต่เหตุเกิดใหม่ๆ นั้นยังไม่มีคนมาให้การ

 “หลังจากตำรวจทำงานผ่านมา 1 วันแล้ว พบข้อเท็จจริงว่ามีรถญี่ปุ่นวิ่งข้างหน้าของรถลูกคุณชาดา ซึ่งรถพราโด้ไฟสูง รถคันหน้าจึงเปิดสปอตไลต์ที่ติดอยู่ด้านหลังคงเปิดปิดๆ รถคันหลังจึงวิ่งไปประกบรถคันหน้าก็มีการยิงกันทั้งสองฝ่าย เป็นเหตุให้ลูกนายชาดาตาย ซึ่งที่รู้ว่ายิงต่อสู้กันเพราะมีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นปลอกกระสุน ตำรวจพยายามจะสอบพยานเพิ่มเติมเพราะสอบไปได้เพียง 2 ปาก ยังไม่ชัดเจน ผมก็บอกว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ให้พยายามสอบให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าเป็นคดีธรรมดา ไม่มีอิทธิพลอะไร”

 ผู้สื่อข่าวถามว่านายชาดากับพยานอีก 2 คน ควรมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วหรือไม่

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ควรมาให้ปากคำโดยเร็ว เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อตำรวจ เมื่อถามว่า ประเด็นการเมืองกับเหตุเฉพาะหน้า 2 ประเด็นนี้ตำรวจให้น้ำหนักไปที่เรื่องใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตำรวจยังมองว่าเหตุเฉพาะหน้า แต่ตนก็ได้กำชับไปแล้วว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ดังนั้นดีที่สุดคือนายชาดากับพยานที่เหลือควรเข้าให้ปากคำโดยเร็ว

 เมื่อถามว่าการที่พยานยังไม่ออกมาให้ปากคำนั้นมีนัยยะอื่นหรือไม่

รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะพิธีทางศาสนาต้องรีบดำเนินการ และติดภารกิจเรื่องเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งพยานสามารถขอเวลาได้ ตำรวจไม่สามารถบังคับได้ แต่ถ้าไปได้เร็วก็จะเป็นประโยชน์ต่อสำนวนการสอบสวน ตำรวจสามารถรับรู้ข้อมูลได้มากขึ้น

 ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพยานไม่มาให้ปากคำ แต่มีแค่หลักฐานในที่เกิดเหตุตำรวจสามารถสรุปคดีได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ได้  เพราะพบปลอกกระสุนคนละชนิด วิถีกระสุนมาจากฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ไม่ใช่ของคนในรถอย่างที่มีเสียงวิจารณ์