วันที่ 6 ส.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ
กล่าวถึงกรณีโฆษกกองทัพบกออกมาแสดงความไม่พอใจการให้ข้อมูลของดีเอสไอเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 98ศพ โดยเฉพาะการที่ระบุถึงมือยิงสไนเปอร์ใส่ผู้ชุมนุมโดยมองว่าไม่เหมาะสมเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณพนักงานสอบสวน ว่า โดยส่วนตัวไม่ใช่ผู้ที่ให้ข่าวหรือเปิดเผยรายละเอียดในส่วนดังกล่าว เพราะหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าใดๆ มาถึงตน รวมถึงกำหนดการลงพื้นที่สอบปากคำมือยิงสไนเปอร์ ดังนั้น ต้องสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่ให้ข้อมูลเอง ส่วนที่มองว่าดีเอสไอให้ข้อมูลเปิดเผยเกินไปอาจกระทบกับสำนวนคดีนั้น แม้การทำงานจะสามารถเปิดเผยความคืบหน้าในคดีได้ แต่ควรเป็นประเด็นที่เห็นว่ามีสาระหรือเป็นประโยชน์เท่านั้น
ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี 98 ศพ กล่าวเพียงว่า
ขณะนี้มีผู้ใหญ่กำชับไม่ให้สัมภาษณ์รายวัน เพราะกลัวกระทบต่อรูปคดี อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะทยอยเรียกพยานคนเดิมที่ได้ให้การไว้ในสำนวนคดีมาสอบถามว่าจะยังยืนยันคำให้การเดิมหรือไม่ หากยืนยันคำให้การเดิมก็จะให้เป็นผู้กล่าวหาแทน
รายงานข่าวชุดสอบสวนคดี 6 ศพ วัดปทุมวนาราม เปิดเผยว่า
ขณะนี้พยานหลักฐานสำนวนคดี 6 ศพวัดปทุมวนารามค่อนข้างชัดเจนและสมบูรณ์ มีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุบริเวณจุดที่อาสาพยาบาลถูกยิงเสียชีวิต หลักฐานหัวกระสุนสีเขียวและปลอกกระสุนที่ตรวจพบบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสหน้าวัดปทุมฯ นอกจากนี้ยังมีผลการชันสูตรพลิกศพทั้ง 6 ศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะศพของน.ส.กมนเกด อัคฮาด พบหลักฐานหัวกระสุนติดอยู่ที่หน้าท้อง ซึ่งกระสุนเม็ดดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่พนักงานสอบสวนจะใช้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ถูกกระทำผิดและคนสั่งการ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
