นักกฎหมายติงเพรียวพันธ์พบทักษิณไม่เหมาะ

นักกฎหมายติงเพรียวพันธ์พบทักษิณไม่เหมาะ

จากกรณีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า
 
เดินทางไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่ออวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ครบรอบวันเกิดในวันที่ 26 ก.ค.  โดยการกระทำดังกล่าวได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสม เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ดินรัชดาที่ยินยอมให้คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา ที่ขณะนั้นยังใช้นามสกุลชินวัตร ซื้อที่ดินรัชดาภิเษก จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยถูกออกหมายจับตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลขที่ 353 / 2551

นายวันชัย สอนศิริ อดีตเลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า ตามหลักของกฎหมายแล้ว
 
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือรองนายกฯ รวมถึง ผบ.ตร.เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ที่มีอำนาจสั่งการ หรือติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดที่ศาลได้ออกหมายจับมาดำเนินคดี ฉะนั้นหากผู้กระทำผิดที่ศาลออกหมายจับอยู่ในประเทศไทย เจ้าพนักงานจะต้องดำเนินการตามจับกุม แต่หากไม่มีการดำเนินการจับกุม ตรงนี้จะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157แต่หากผู้กระทำความผิดหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศ ซึ่งหมายจับของไทยไม่สามารถนำไปใช้ได้ในส่วนนี้ ต้องมีการประสานงานกันระหว่างประเทศเพื่อส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน  ตรงนี้ในกรณีของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงไม่ถือว่าไม่เป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157          

นายวันชัย กล่าวอีกว่า  กรณีนี้แม้จะถือว่าอยู่นอกเหนืออำนาจที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ในฐานะ ผบ.ตร.จะกระทำการใดๆ ได้
 
แต่การที่เดินทางไปพบ อดีตนายกรัฐมนตรี  ในฐานะผู้ต้องโทษหลบหนีคดี แม้จะไม่ผิดตามหลักข้อกฎหมาย แต่ถือว่ามีความผิดตามหลักจริยธรรมข้าราชการ ที่ถือว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งรัฐบาลนี้คงไม่ได้คำนึงถือเรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งระดับรัฐมนตรี ผู้แทนราษฎร ก็เดินทางไปพบปะ อดีตนายกรัฐมนตรีกันอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ข้าราชการประจำรู้สึกว่าทำได้ไม่ผิดอะไร เรื่องนี้หากหัวไม่กระดิก หางก็คงไม่กระดิกตาม และหากใครไม่กระดิกตามนั้น ก็คงต้องโดนเชือดทิ้งอย่างแน่นอน

ด้าน ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะอดีตอดีตกรรมการปฏิรูปองค์กรตำรวจ
 
แสดงความเห็นว่า ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นบุคคลที่มีอยู่ 2 สถานะ คือ 1.สถานะในความเป็นเครือญาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 2.สถานะในการทำหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.ฉะนั้นที่ผ่านมา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงต้องจัดวางความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้นำองค์กรข้าราชการตำรวจ ที่เป็นกระบวนการหน้าด่านของระบบยุติธรรม ต้องมีความเป็นกลางมากที่สุด ฉะนั้นประเด็นนี้หาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เลือกที่จะเดินทางไปพบอดีตนายกฯ ในช่วงเกษียณอายุราชการหลังวันที่ 30 ก.ย.นี้แล้ว ก็ไม่ถือว่ามีปัญหาอะไร เพราะไปในสถานะเครือญาติ แต่การที่เลือกไปพบในช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แม้จะไม่เข้าข่ายผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 แบบชัดเจน แต่ถือว่าขัดต่อหลักระบบจริยธรรมอย่างรุนแรง.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์