“ตุ๊ดตู่”ขาสั่น!ขึ้นศาล รับ”ไม่ปากพล่อย”

ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ก.ค.

ศาลนัดสอบถาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 2 ในคดีร่วมกันก่อการร้าย กรณีที่ นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร กรณีมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว โดยเมื่อวันที่  7  มิ.ย. 55 นายจตุพรได้  ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้ารัฐสภา กล่าวโจมตีพาดพิง ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องขอให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ม.291 ขัด ม. 68 ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่

โดยนายเชาวนะ ผู้ร้องมาศาลพร้อมส่งวีซีดีบันทึกภาพและเสียงคำปราศรัยของจำเลยที่ 2
 
โดยระบุว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องตาม พ.ร.บ.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2542 ม.4(1) โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2555 นายจตุพร จำเลยที่ 2 และนายยศวริศ ชูกล่อม จำเลยที่ 7 หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายที่ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ได้ขึ้นปราศรัยหน้าอาคารรัฐสภาโดยมีลักษณะยั่วยุปลุกระดมผู้ชุมนุมให้คุกคามการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทำตามหน้าที่ อันเป็นการก่อให้เกิดความไม่สงบ เพื่อทำลายล้างศาลรัฐธรรมนูญ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการทำผิดเงื่อนไขศาลอย่างชัดเจนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพยำเกรงต่อสถาบันศาล จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกันตัวจำเลยที่ 2


ขณะที่นายจตุพร จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องในคดีนี้

แต่หากจะอ้างว่ามีอำนาจตาม ม.4 (4) พ.ร.บ.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมอบอำนาจ ซึ่งในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าประธานตุลาการศาลรัฐธรรมและตุลาการ ไม่อำนาจให้ผู้ร้อง และประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการไม่ใช้โจทก์ พยาน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่จะยื่นคำร้องขอให้ถอน โดยจำเลยที่ 2 ยืนยันว่า ไม่ได้ทำการยุยงปลุกระดมหรือคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ โดยจำเลยที่ 2 เป็นนักการเมืองมีสิทธิเสรีภาพในการคิดและแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่องค์กรตามอำนาจอธิปไตย การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่ได้เป็นการทำลายล้างองค์กร และเมื่อมีการพิจารณาทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญจำเลยที่ 2 เป็นผู้ห้ามไม่มีการชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญ


ขอบคุณภาพจาก"แนวหน้า"ขอบคุณภาพจาก"แนวหน้า"

ทั้งนี้ ศาลได้เปิดแผ่นวีดีซีที่ผู้ร้องนำส่งมาแล้วมีข้อความตรงกับคำถอดเทปที่จำเลยที่ 2 ส่งมา

หลังจากที่จำเลยที่ 2 ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยแล้ว นายยศวริศ จำเลยที่ 7 ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อ โดยมีการระบุรายละเอียดชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 7 คน และครอบครัว พร้อมระบุว่า หากผู้ใดที่อยู่ใกล้เคียงให้ช่วยจัดการด้วย

ต่อมานายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 ในคดีเดียวกันนี้

ได้แถลงข่าวทำนองว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครอง ประชาชนพร้อมที่จะดำเนินการหากตำรวจไม่จัดการตุลาการทั้ง 7 ซึ่งหากประชาชนดำเนินการแล้วก่อให้เกิดการรัฐประหารของเจ้าหน้าที่ทหาร เราก็พร้อมจะสู้แบบตาต่อตาฟันต่อแบบ ถึงขั้นแตกหักก็อาจจะมีการเสียเลือดเสียเนื้อ แต่อ้างว่าไม่ได้เป็นการปลุกปั่นประชาชน

โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่า จำเลยเป็นนักการเมืองมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ

ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต ไม่ได้เป็นการคุกคามตุลาการและไม่ได้มีการตระเตรียมการกับจำเลยอื่นว่าใครจะพูดเรื่องอะไร การกระทำของจำเลยที่ 7 ไม่เกี่ยวข้องกับตน จำเลยที่ 2 ไม่ได้ตั้งใจทำผิดเงื่อนไขประกันตัว
ขอศาลเมตตาให้โอกาสอีกครั้ง และขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวให้ชัดเจนเพื่อวางแนวทางในการปฏิบัติ

ศาลพิเคราะห์ คำแถลงของนายเชาวนะ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญผู้ร้องและ นายจตุพร จำเลยที่ 2 แล้วเห็นว่า ยังมีข้อเท็จจริงบางส่วนที่ยังไม่ยุติ
 
เพื่อให้ได้ขอเท็จจริงทั้งหมดปรากฏแก่ศาลอันจะแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า นายจตุพร จำเลยที่ 2 กระทำการอันเป็นการผิดเงื่อนไขของศาลที่กำหนดไว้ในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่ จึงเห็นสมควรให้รอฟังคำแถลงสอบถามจำเลยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ตามที่ศาลได้นัดสอบถามจำเลยทุกคนไว้ จึงให้เลื่อนคดีออกไปนัดสอบถามจำเลยที่ 2 พร้อมกับจำเลยอื่นๆในวันที่ 9 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น. และจะมีคำสั่งพร้อมกับจำเลยอื่นในคราวเดียวกันเตือนจตุพรระวังคำพูด

นอกจากนี้ ศาลแจ้งยังจำเลยว่า แม้จำเลยที่ 2 จะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการพูดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
 
แต่จำเลยที่ 2 ก็ไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นหรือพูดอะไรที่กระทบต่อสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของคนอื่นและไม่สมควรแสดงความคิดเห็นหรือพูดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขาดศีลธรรมอันดีของประชาชน แม้จำเลยที่ 2 แถลงว่า หากจำเลยที่ 2 พูดปราศรัยไปถึงผู้ใด แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างจำเลยที่ 2 กับบุคคลนั้น และจำเลยที่ 2 อาจจะถูกผู้อื่นฟ้องร้องดำเนินคดีได้ แต่ศาลจะปล่อยให้จำเลยที่ 2 กระทำการใดๆอันเป็นการกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่นอีกต่อไปไม่ได้ เพราะถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น อันจะเป็นเหตุให้ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.108/1 จึงขอกำชับและตักเตือนจำเลยที่ 2 ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งในการอนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยห้ามจำเลยที่ 2 กระทำการใดๆอันอาจจะก่อให้เกิดอันตราย กระทบต่อความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 2 จะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการพูดใดๆตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งจำเลยที่ 2 อาจจะขึ้นเวทีปราศรัยหรือแถลงข่าว หรือกระทำการใดๆได้ก็ตาม แต่ความผิดที่จำเลยที่ 2 ถูกดำเนินคดีนี้ล้วนแต่สืบเนื่องมากจากการที่จำเลยที่ 2 ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีทางการเมืองทั้งสิ้น

ดังนั้นศาลจึงขอกำชับและตักเตือนจำเลยที่ 2 ให้ระมัดระวังการกล่าวปราศรัยหรือการกล่าวแถลงข่าวใดๆมากกว่านี้

โดยหากจำเลยจะกระทำการใดๆขอให้ตระหนักให้มากว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะส่งผลที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมืองและศาลอาจมีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 และขอความร่วมมือให้จำเลยที่ 2 หรือกลุ่มของจำเลยที่ 2 ไม่ใช้เครื่องกระจายเสียงในที่สาธารณะบริเวณหน้าศาลเพราะเป็นการรบกวนบุคคลอื่น สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังชี้แจงต่อศาล นายจตุพร จำเลยร่วมคดีก่อการร้ายให้สัมภาษณ์ว่า ศาลได้เลื่อนอ่านคำสั่งเป็นวันที่ 9 ส.ค. รวมกับแกนนำนปช.อีก 23 คน ซึ่งตนน้อมรับและขอบคุณศาลที่ให้โอกาสปรับปรุงตัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน จะไปร่วมงานและจัดปราศรัยด้วยหรือไม่
 
นายจตุพร กล่าวว่า นปช.ยังไม่มีกำหนดการจัดงานวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งศาลไม่ได้ห้าม แต่ได้ตักเตือนและกำชับให้ระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องคำพูดที่อาจใช้ถ้อยคำไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น โดยตนก็จะระมัดระวังและพร้อมปฏิบัติตามความห่วงใยของศาล

นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช.กล่าวว่า แกนนำเสื้อแดงไม่ได้ข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการวิจารณ์เชิงวิชาการและอาจมีคำรุนแรงหลุดไปบ้าง
 
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  จำเลยคดีก่อการร้ายอีกคนหนึ่ง กล่าวว่าตนร่วมฟังการไต่สวนคดีบ้าง

เชื่อว่าศาลคงมีเมตตาไม่ถอนประกันตัวนายจตุพร ซึ่งตนและแกนนำเสื้อแดงต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวมากกว่าเดิม  กรณีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเราคงไม่หยุด แต่จะวิพากษ์วิจารณ์ต่อไป เพราะ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะมายับยั้งร่างรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการโดยรัฐสภา

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์