“เติ้ง”เฮพรรคไม่ถูกยุบ ชี้ช่องทางไหนแก้รธน.ก็มีปัญหา

“เติ้ง”เฮพรรคไม่ถูกยุบ ชี้ช่องทางไหนแก้รธน.ก็มีปัญหา

วันนี้ (17 ก.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ว่า
 
ดีใจที่พรรคไม่ต้องถูกยุบซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะเหตุยังไม่เกิดจึงตัดสินไม่ได้ และก็ไม่มีใครอุตริที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่าศาลได้สั่งมาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทำได้ หรือจะแก้ทั้งฉบับ ต้องทำประชามติก่อน สามารถทำได้ทั้งสองแนวทาง รวมทั้งการยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ทั้งนี้ได้หารือกับนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทางพรรคก็มีความเห็นว่า1.การแก้ไขรายมาตรา อาจจะมีปัญหาหากใครไม่พอใจในมาตราที่เขาแก้ ก็ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้เช่นนี้ 3-4 ปีก็ไม่เสร็จ เพราะจะมีปัญหาเกิดขึ้นเรื่อยๆโดยอ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ2.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างในสภาก็ให้ทิ้งไว้ก่อน ยังไม่ลงมติวาระ3 เพราะจะขัดกับคำวินิจฉัย อยากให้ไปทำประชามติกันก่อนและรอดูคำวินิจฉัยส่วนตนอีกทีว่าตุลาการแต่ละคนคิดอย่างไร

ต่อข้อถามว่าคิดว่าแนวทางใดที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

นายบรรหารกล่าวว่า อยู่ที่การปรึกษาหารือซึ่งได้ทุกแนวทาง เพราะแต่ละแนวทางก็มีปัญหาเกิดขึ้นได้ตลอก ตนจึงไม่ฟันธงว่าจะเป็นวิธีใด ความจริงร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ลำบากเลย ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นเช่นนี้หรอก ฉบับปี 40 ก็ไม่มีปัญหา มามีปัญหาช่วงรัฐธรรมนูญ 50 เอง ย้อนไปในสมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยก็คิดว่าจะไม่รับแล้ว แต่คณะร่าง ฯ ก็บอกให้รับไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง เนื่องจากมีข้อบกพร่องหลายอย่าง และตนก็ยืนยันว่าจะต้องแก้มาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรคให้ได้ เพราะไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าแนวทางใดที่ออมชอมที่สุดและมีปัญหาน้อยที่สุด

นายบรรหารยังคงกล่าวว่า ยังมีปัญหาที่ร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้วรับทุกเรื่องจะว่าอย่างไร
 
ซึ่งก็ยังมีปัญหาอีก คาดเดาศาลไม่ได้ เดาไม่ถูก เอาเป็นว่าแนวทางไหนก็ได้ให้เกิดความราบรื่นในบ้านเมือง แต่มันก็ยาก แนวทางไหนที่คิดว่าดีที่สุดมักมีปัญหา ถึงแม้ไม่มีแต่มีคนทำให้มีปัญหาอยู่ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นรวม ๆ กัน อย่าไปติ ติงนักการเมืองฝ่ายเดียว ทุกฝ่ายเหมือนกันหมด ฝ่ายอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนกัน ตนจำได้ลงสนามเลือกตั้งใหม่ ๆ ย้ำในสภาฯตลอด การบริหารงานประเทศชาติต้องมีอำนาจ 3 ฝ่าย นิติบัญญัติ ตุลาการ และฝ่ายบริหาร และจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่ระยะหลังประชาธิปไตยเบ่งบานมันก้าวก่ายกันไปมา ตนว่าต้องไปต้องเขียนรัฐธรรมนูญให้มันชัด กำกวมก็ตีไปอีกทางหนึ่งได้ นักกฎหมายแม้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันยังตีความคนละทาง เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาลตร์ ไม่อยากเอ่ยชื่อยังไปคนละทางเลย

ต่อข้อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงหนุนให้ลงมติวาระ 3 เลย นายบรรหารตอบว่า เป็นเพียงความเห็นแต่ถ้าลงมติไปแล้วเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยังตอบไม่ได้

และไม่มีใครตอบได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะอีกยาวนานหรือไม่ แต่เชี่อว่าสมัยรัฐบาลนี้สมารถทำได้ เพราะอายุรัฐบาลอยู่ได้ 4 ปี นี่เพิ่งจะปีเดียวดังนั้นเหลือเวลาอีกตั้ง 3 ปี ส่วนที่กลุ่มคณะนิติราษฎร์เสนอให้ลดอำนาจหมวดศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่ยังทราบเลย และเป็นคำถามร้อนแรงตนคงตอบให้ไม่ได้ ขณะเกียวกันสิ่งที่ถามว่า ทางเดียวที่ดีที่สุดคือการทำตามคำสั่งศาลใช่หรือไม่ ตนมองว่าบางฝ่ายยอมรับ บางฝ่ายก็ไม่ยอมรับในเรื่องนี้ และเป็นธรรมดาที่จะมีการออกมาเคลื่อนไหว แต่อย่าถึงตีกันก็แล้วกัน สุดท้ายยังเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นปัญหาต่อความขัดแย้งรอบใหม่.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์