แขวะแม้วเคยเตือนแล้วจะไม่มีแผ่นดินอยู่

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 24 มิ.ย.  ที่โรงละคร เอ็ม เธียรเตอร์ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดงานทอล์กโชว์การกุศล "2575 เจาะเวลาสู่อนาคต"
 
โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า ส่วนตัวเคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าจะไม่มีแผ่นดินอยู่ และมีคนกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองมากเกินไป แต่เห็นว่าไม่มีการเมืองไม่ให้เล่นก็ไม่เป็นไร แต่ให้ระวังคนที่ทำกับประเทศเหมือนกับเป็นบริษัทของตัวเองก็ให้ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่ ซึ่งขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมีแผ่นดินอยู่มากกว่าเรา ยกเว้นประเทศไทยเท่านั้น
          
นายชวน กล่าวต่อว่า อดีตมีความสำคัญเพราะเป็นตัวชี้ปัจจุบันและปัจจุบันจะเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดอนาคต
 
ในฐานะที่เป็นนักการเมืองที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรนานที่สุด 15 สมัย เมื่อพูดถึงอดีต 80 ปี ที่ผ่านมา มีทั้งสิ่งดีและสิ่งร้าย ประเทศไทยมีอะไรดีหลายอย่าง มีสิ่งที่เป็นสมบัติของเราเอง แม้มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย แต่เรารักษาสิ่งนั้นไว้ได้ เช่น เรื่องภาษา ที่ผ่านมาเราส่งข้าว ส่งยางพารา มันสำปะหลัง เป็นที่หนึ่งของโลก แต่ความอุดมสมบูรณ์กำลังลดลง รวมถึงมีการทุจริตเกิดขึ้นในหลายโครงการที่เกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร ต้องหาทางสร้างสมดุลระหว่างสิ่งที่ได้กับสิ่งที่เสียไป สมัยที่เป็นรัฐบาลมีหลายโครงการที่ดำเนินการ เช่น การปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ทำให้พื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้น
         
นายชวน ยังกล่าวอีกว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
 
มีประเทศมหาอำนาจต้องการเข้ามาแยกดินแดนประเทศไทย การเมืองได้เข้ามามีบทบาทคลี่คลายสถานการณ์ แต่กลายเป็นผลผูกพันมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเกิดการปฏิวัติรัฐประหารในอดีต แม้ทำให้การพัฒนาประเทศสะดุดลง แต่ไม่มีสมัยใดที่มาแทรกแซงอำนาจตุลาการ หรือเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ีมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ ทั้งนี้วิกฤตในบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญไม่ดี ผู้ปฏิบัติทำนอกกรอบรัฐธรรมนูญ ช่วงปีหลังเริ่มมีธุรกิจการเมืองเกิดขึ้น ทำให้เกิดอุปสรรคทางการเมืองใหม่ ทำให้เกิดระบอบทักษิณ ควบรวมพรรคการเมืองจนมีเสียงข้างมาก และเกินเลยมาถึงการซื้อ ส.ว. และเกิดกระบวนการแทรกแซงองค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับ เขียนเรื่องการแบ่งอำนาจ 3 ฝ่ายอย่างชัดเจน ดังนั้นการบริหารบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพอำนาจทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน
       
"ผมทำงานการเมืองมาไม่เคยต้องเอากาแฟ เอาบุหรี่ไปแลกคะแนน ทำให้เกิดเป็นบุญคุณ เวลาทำอะไรจึงต้องคิดถึงส่วนรวม อย่างไรก็ตามบ้านเมืองนี้ต้องอยู่ด้วยการยอมรับทำผิดต้องถือว่าผิด ถูกว่าไปตามถูก จึงได้ค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่ง ทุกคนต้องเป็นกำลังใจให้คนดีในบ้านเมือง"  นายชวน กล่าว.