หมอวรงค์ ถล่ม สรยุทธ์ ตัวเอียง ไล่ไปสมัครเข้าเพื่อไทย

 วันนี้ ( 5 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 ให้ชะลอการลงมติรับร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญวาระ3 ว่าเป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัตินั้น ตนคิดว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการดำเนินการตามที่กฎหมายได้เขียนเอาไว้ และเป็นการวินิจฉัยแบบชี้ขาด ที่ผูกพันองค์กรที่อยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมด ส่วนร่างพ.ร.บ.เพื่อความปรองดองแห่งชาตินั้น

เป็นเรื่องที่สภานิติบัญญัติไม่มีอำนาจเข้าไปล้มล้างการตัดสินของฝ่ายตุลาการได้ เพราะศาลได้ตัดสินไปแล้ว หลักของพรรคเพื่อไทยคือ อะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเองก็เอา แต่ถ้าเสียประโยชน์ก็จะออกมาข่มขู่ และบอกว่าสองมาตรฐาน

นายสาธิต กล่าวอีกว่า การตีความมาตรา 68 พรรคประชาธิปัตย์มองว่า บุคคลทั่วไปสามารถยื่นได้ 2 ช่องทาง เพราะในกฎหมายใช้คำว่า ให้ส่งอัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเราสามารถยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ขณะที่ช่องทางอัยการเป็นเพียงการสอบสวนมูลความผิดทางอาญาเท่านั้น แต่หากจะให้อัยการสูงสุดตรวจสอบก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญก็ต้องเขียนไว้ให้ชัดเจนกว่านี้ ดังเช่นกฎหมายอื่นมีการระบุขั้นตอนชัดเจน ดังนั้นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าชอบแล้ว ไม่ใช่การตีความข้างเดียวแบบพรรคเพื่อไทย

นายสาธิต ยังกล่าวถึงการที่ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนการเสนอข่าวที่ไม่เป็นกลางของ นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการเรื่องเล่าเช้านี้ และนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊คในเรื่องนี้ โดยนายสาธิตกล่าวว่า ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวของ น.พ.วรงค์ แต่นายพานทองแท้ กลับมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบนั้นตนอยากให้นายพานทองแท้สำรวจตัวเองว่า ขณะนี้สภาฯได้ขยายเวลาประชุมจากเดิมมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลยนอกจากพิจารณากฎหมายที่เป็นประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น และอยากจะให้นายสรยุทธ์เสนอข่าวที่ตนพูดด้วย เพื่อความเป็นกลาง

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องนายสรยุทธ์ ให้เสนอข่าวอย่างรอบด้านถึงที่มาที่ไป แต่พฤติกรรมของนายสรยุทธ์ กระทำตัวเป็นเหมือนโฆษกพรรคเพื่อไทย หากเป็นเช่นนั้นก็ควรไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค แล้วทำหน้าที่เป็นโฆษกไปเลย อย่ามาใช้ช่องทางของสื่อหลักแบบนี้ ส่วนการสำรวจความคิดเห็นประชาชน ต้องการให้ ส.ส. ที่กระทำให้รัฐสภาเสื่อมเสียออกมาขอโทษประชาชนนั้น ทุกสิ่งมีที่มาที่ไป สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพฤติกรรมสะสมของประธานสภาฯ ตนก็ยอมรับพร้อมที่จะเจ็บถ้ามองว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม แต่ตนถือว่าเป็นการทำเพื่อชาติ

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่ขอโทษประชาชนใช่หรือไม่ นพ.วรงค์กล่าวว่า ไม่ใช่ อยากให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน อย่ามองแค่พฤติกรรมการโยนหนังสือใส่ประธานฯ จะโทษต้องโทษประธานฯด้วยที่ทำตัวไม่เป็นกลาง ขนาดสื่อมวลชนยังตั้งฉายา “ค้อนปลอม ตราดูไบ”

เมื่อถามว่าหากพฤติกรรมของประธานฯยังไม่เปลี่ยนแปลง จะยังทำพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไป นพ.วรงค์กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิด แต่การแสดงออกก็ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักของปัญหา