“บิ๊กบัง” หัวเราะข่าวรับจ็อบ “แม้ว” เสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง

วันที่ 28 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่รัฐสภา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ

ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... ในช่วงเวลานี้ ว่า เป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนรวมจากส.ส.ในพรรคร่วมต่างๆ ไม่ใช่ทำคนเดียวแล้วจะยื่นเสนอเข้าสู่สภาฯได้ ต้องทำเป็นคณะ ร่างพ.ร.บ.ปรองดองเป็นเพียงถนนเส้นหนึ่งในการเดินทางไปสู่ที่หมายของการปรองดอง ยังไม่ใช่เรื่องของการปรองดองโดยสมบูรณ์ เราจึงต้องหยิบยกตัวกฎหมายนี้มาเพื่อไปสู่แนวทางปรองดองให้เกิดขึ้นได้จริง และยังมีอีกหลายขั้นตอนในการดำเนินการต่ออีกมาก

เมื่อถามว่า หลักการของกฎหมายฉบับนี้เหมือนกับการนิรโทษกรรมมากกว่า พล.อ.สนธิกล่าวว่า

การปรองดองต้องเกิดได้ด้วยหลักการอันหนึ่ง ในอดีตเคยมีมาแล้วผ่านคำสั่งคณะรัฐมนตรีที่ 66/23 เพื่อให้อภัยกัน มาถึงคราวนี้อะไรที่จะทำให้เกิดการปรองดองได้ ตรงนี้เป็นเพียงหลักคิดก่อนในขั้นต้น ส่วนจะเป็นไปได้อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับสภาฯ คนๆเดียวทำอะไรไม่ได้ ต้องจำหลักนี้ไว้ก่อน

เมื่อถามว่าเบื้องต้นทาง ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาบางส่วน ระบุว่าไม่ได้ร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายฉบับนี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เข้าใจว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่จำชื่อไม่ได้เหมือนกันว่าใคร

เมื่อถามว่า มีการระบุว่าได้ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก่อนการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราต้องหาข้อมูลก่อนว่าความเป็นจริงคืออะไร ถ้าอยู่ดีๆ ทำอะไรไปโดยไม่มีข้อมูลข่าวสารคงลำบาก เช่นเดียวกัน การทำอะไรก็ตามการข่าวต้องมีความชัดเจน เป้าหมายเจตนารมณ์ต้องชัดเจน ทั้งนี้ ขอชี้แจงในเบื้องต้นก่อนและในวันพรุ่งนี้จะชี้แจงอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ถามว่ามีการไปพบพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อรับจ็อบ พล.อ.สนธิกล่าวพร้อมหัวเราะว่า “ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผม”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรในเมื่อเป็นถึงอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แต่กลับดำเนินการแบบทำด้วยมือลบด้วยเท้า
 
พล.อ.สนธิ กล่าวย้ำว่า “อย่าไปพูดอย่างนั้น เราเจตนาดี เมื่อวิกฤติสถานการณ์วันนั้น ตอนนั้น ก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นวิกฤตของบ้านเมือง วันนี้ถามว่ามีใครกล้าจะมาทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยหรือไม่ เท่านั้นเอง ปัญหาคือเราต้องการคนกล้าที่จะมาทำงานให้บ้านเมือง เพื่อเกิดความปรองดอง เพราะฉะนั้นถามว่าที่วันนี้ผมเข้ามาทำเรื่องนี้มีความสุขเหรอ และต้องการได้อะไร ผมไม่อยากได้อะไร แต่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความสงบและรักกัน จุดสำคัญที่สุดของผมมีเพียงเท่านี้ ทุกอย่างผมมีหมดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติภูมิศักดิ์ศรี มันมากกว่าจะมารับจ๊อบใดๆ เพราะบ้านเมืองสำคัญกว่า”