ปูไม่เกี่ยว ปัดกม.ปรองดอง


อ้างพรรคร่วม เสนอเข้าสภา จับตาศึกอบจ. ชิงนายกวันนี้ เชียงรายระอุ


ปูไม่เกี่ยว ปัดกม.ปรองดอง


            "ยิ่ง ลักษณ์" เยือนแดนจิงโจ้ พบนายกฯหญิงออสซี่ เดินหน้าขยายการค้าการลงทุน ยันกฎหมายปรองดองเป็นเรื่องของ"บิ๊กบัง"กับพรรคร่วม เพื่อไทยไม่เกี่ยว รองโฆษกพท.พร้อมหนุนเต็มที่ ชี้พวกค้านมีแต่กลุ่มเสียผลประโยชน์จากการปรองดอง ปชป.ได้ทีประกาศลุยค้านทั้งในและนอกสภา เตรียมยื่นศาลรธน.ตีความหลังผ่านวาระ 3 "สดศรี"เผยกกต.พร้อมปฏิบัติตามหากกฎหมายผ่านสภา เลขาฯกกต.โต้คดีสอบเงินบริจาคเข้าปชป.อืด เตรียมเรียกถกใหญ่ 31 พ.ค.นี้ ลุ้นศึกเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย-นครพนม-พิจิตร-สุรินทร์ พ่วงนายกเล็กเมืองโคราชวันนี้ เงินสะพัดรับคืนหมาหอนจับหัวคะแนนซื้อเสียง

ปูยันพ.ร.บ.ปรองดองไม่เกี่ยวพท.

เมื่อ เวลา 07.45 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางเยือนประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 26-29 พ.ค. โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่สภาโดยส่งถึงสำนักเลขาธิการสภาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ซึ่งบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาในวันที่ 30-31 พ.ค.นี้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่มีมติใดออกมา

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งปฏิบัติภารกิจการบริหารประเทศ แต่สิ่งใดที่จะทำให้เกิดแนวทางความปรองดองก็ยินดี เพราะต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้กระบวนการต่างๆ ต้องไปจบกันที่สภา ไปฟังเสียงส่วนใหญ่ในสภาที่เป็นตัวแทนของประชาชนร่วมกันคิดและศึกษา

ดูเนื้อหา-ไม่เชื่อทำเพื่อแม้ว

ผู้ สื่อข่าวถามถึงข้อวิจารณ์ที่ว่าเป็นความพยายามเร่งช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อนิรโทษกรรม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ต้องไปดู ทางสภาเองก็ต้องดูในเนื้อหาที่สำคัญมากกว่า และดูในหลักการว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ในภาพรวมทุกคนย่อมเห็นด้วย แต่ถ้าทำเพื่อคนๆ เดียวคงไม่มีใครร่วมทำงานด้วยอยู่แล้ว อยู่ที่กลไกของสภาที่ต้องมาถกเถียงกันความ ปรองดองจะเกิดขึ้นคือต้องเป็นประโยชน์ต่อทุกคนและประเทศชาติในวันข้างหน้า"

ต่อ ข้อถามถึงความเห็นของพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายังไม่ได้คุยในส่วนของพรรคเพื่อไทย จึงยังไม่ทราบกระบวนการ วิธีการ เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศอยากเห็นความปรองดองสามัคคี จึงขอให้ทุกกรอบที่ทำงานทุกวิธีการทุกเทคนิคก้าวไปสู่ความสามัคคีปรองดองใน ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการไหนเรายินดีทั้งนั้น แต่ขอให้เป็นวิธีการที่พูดคุยกันโดยสงบ ทำให้ทุกอย่างก้าวไป ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย ไม่เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทุกคนต้อง ร่วมกัน

วอนทุกฝ่ายเดินไปข้างหน้า

"แน่ นอนว่าต่างคนต่างมีความคิด ต้องเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน แต่ความคิดนั้นๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้สังคม แตกแยกหรือขัดแย้ง แต่เป็นการแสดงความคิดของแต่ละคน และนำความคิดเห็นนั้นมาช่วยกันถกหาจุดศูนย์กลางที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ แต่อาจจะไม่ได้ถูกใจคนทั้งหมด แต่เชื่อว่าถ้าขอกันว่าให้เสียสละให้ยอมรับให้ทำงานร่วมกันและเดินไปข้าง หน้า เชื่อว่าทุกคนจะให้ แต่ถ้าบอกว่าให้เสียสละเพื่อใครคนใดคนหนึ่งคงไม่มีทาง เพราะความจริงแล้วก็เพื่อประเทศ" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าว ถามว่า รัฐบาลจะเดินต่อไปอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลต้องดูในส่วนของรัฐบาลทั้งเรื่องแก้ปัญหา เศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ความเหลื่อมล้ำของประชาชน ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่สงบหรือแตกแยก แน่นอนว่ารัฐบาลทำเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกพรรค การเมือง ประชาชน ภาคเอกชน เพราะงานนี้เป็นงานของคนไทยทั้งประเทศที่จะร่วมกันทำให้ประเทศเราเดินสู่ ประชาคมอาเซียน อย่างภาคภูมิใจ

เยือนจิงโจ้พบนายกฯหญิงออสซี่

นายก รัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางเยือนออสเตรเลียนี้ว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของไทย ส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือยุทธศาสตร์ไทย-ออสเตรเลียในทุกๆ ด้าน เน้นขยายความร่วมมือในสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาร่วมกันระหว่างไทยกับ ออสเตรเลีย เช่น การค้าการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และเป็นโอกาสดีในการเยี่ยมชมชุมชนไทยในซิดนีย์ เพื่อพบปะให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารไทย รับฟังปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในการวางยุทธศาสตร์ ครัวไทยสู่ครัวโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับนางสาวจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีหญิงออสเตรเลีย และรัฐมนตรีต่างๆ ของออสเตรเลีย เพื่อติดตามความร่วมมือไทย-ออสเตรเลียทั้งในระดับทวิภาคี ทั้งด้านการค้า การลงทุน พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการศึกษา ตลอดจนหารือถึงความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน และอีสต์ เอเชีย ซัมมิต พร้อมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจและเอกสารความร่วมมือไทย ออสเตรเลียจำนวน 2 ฉบับ คือ ความร่วมมือด้านการศึกษาฉบับใหม่ และการแลกเปลี่ยนผู้นำภาคการเมืองรุ่นใหม่ด้วย

ควงภาคธุรกิจขยายลู่ทางลงทุน

สำหรับ คณะนักธุรกิจชั้นนำของไทยที่ร่วมเดินทาง อาทิ ปตท.สผ. บ้านปู โรงไฟฟ้าราชบุรี ล็อกซเล่ย์ มิตรผล เจริญโภคภัณฑ์ สุรพลฟู้ดส์ เซ็นทรัลกรุ๊ป รวมทั้งผู้แทนสภาอุตสาหกรรมฯและสภาหอการค้าฯ และสมาคมการค้าต่างๆ โดยจะเข้าพบหารือบริษัทคู่ค้าและนักลงทุนชั้นนำของออสเตร เลีย เพื่อขยายลู่ทางและโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้พบปะหารือบริษัทและนักลงทุนรายใหญ่ของออสเตรเลีย เช่น บริษัทเหล็ก เหมืองแร่ การธนาคาร และกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ ด้วย การเดินทางเยือนเครือรัฐออสเตรเลียในครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำ หลังจากที่ว่างเว้นการเยือนระดับผู้นำของไทยนานกว่า 8 ปี

พท.ถกส.ส.ก่อนพ.ร.บ.สนธิเข้าสภา

ที่ พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ จะเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่การประ ชุมสภาในสัปดาห์หน้าว่า พรรคได้เรียกประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยวันที่ 28 พ.ค.นี้ เพื่อทำความเข้าใจต่อท่าทีกรณีที่พล.อ.สนธิซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ จะยื่นพ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสภา ต้องรอดูว่านายสมศักดิ์ เกียรติ สุรนนท์ ประธานสภาจะบรรจุวาระดังกล่าวในวันที่ 29 พ.ค. หรือ 30 พ.ค.หรือไม่ พรรค เพื่อไทยมองว่า พ.ร.บ.ปรองดองเป็นกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ มีเพียงผู้สูญเสียประโยชน์จากการปรองดองเท่านั้นที่ออกมาคัดค้าน เพราะ พ.ร.บ.ปรองดองย่อมดีกว่าการออกมาปฏิวัติมาก เพราะตอนยึดอำนาจใน 19 ก.ย.49 กลับไม่ถามความรู้สึกประชาชน บ้านเมืองวุ่นวายมา 6 ปี แต่ไม่มีใครออกมาเสนอทางแก้ เมื่อมีการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภา ก็ขอฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอภิปรายอยู่บนความจริง การที่พล.อ.สนธิจะเสนอร่างพ.ร.บ. ปรองดองเราคงห้ามไม่ได้ แต่หาก พรรคเพื่อไทยเสนอเอง รับรองว่ามีปัญหาแน่นอน

ยันไม่เคยเกี้ยเซี้ยบิ๊กบัง

รอง โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนของมาตรา 5 ที่ให้ยกเลิกการทำงาน ของคตส.นั้น ตนจะอภิปรายในมาตราดังกล่าวด้วยว่าไม่ใช่การล้างความผิด แต่กระบวนการพิจารณาเรื่องต่างๆ ยุคนั้นควรมาจากกระบวนการยุติธรรมที่เป็นมาตรฐาน และปกติ ขอยืนยันว่าพรรคไม่เคยเกี้ยเซี้ยกับพล.อ.สนธิ และไม่เคยเห็นพล.อ.สนธิเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปพบใคร การที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีพล.อ.สนธินั้นอย่าไปผลักอกพล.อ.สนธิจนติดข้างฝา เพราะนายทหารระดับสูงคงกำความลับของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงปฏิวัติไว้เยอะ

ตั้งทีมตามติดเงินบริจาคเข้าปชป.

นาย จิรายุ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยตั้งทีมกฎหมาย นำโดยนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ติดตามกรณี บริษัท อีสท์ วอเตอร์ บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ เพราะทราบว่ามีนักกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ท้วงติงว่าการนำเงินเข้าบัญชีพรรค นั้นสุ่มเสี่ยงต่อการยุบพรรค จนกระทั่งพรรคประชาธิปัตย์หาทางออกโดยการนำเงินไปบริจาคเข้าสำนักนายกฯ ขอตั้งข้อสังเกตว่าการพักเงินบริจาคไว้ในบัญชีของพรรคประชาธิปัตย์ 1 เดือนนั้น ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ เพราะการนำเงินเข้าไปพักไว้ย่อมมีดอกเบี้ยเกิดขึ้น หากคิดดอกเบี้ยขั้นต่ำ ร้อยละ 3.5 ก็จะมีเงินประมาณปีละ 35,000 บาทถือว่าไม่น้อย นอกจากนี้ในช่วงที่เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ล่ม แต่เมื่อกลับมาใช้ได้แล้วปรากฏว่าเปิดเข้าไปดูงบการเงินไม่ได้ แต่เราได้เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว หากข้อมูลเปลี่ยนไปจะนำมาเปรียบเทียบว่าอะไรที่แตกต่างไปบ้าง พรรคจะติดตามการตรวจสอบของกกต.อย่างใกล้ชิด

ก่อแก้วหนุนบิ๊กบังแต่ค้านนิรโทษ


นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ คัดค้านการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ของพล.อ.สนธิว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะประเทศควรเดินหน้าต่อไปได้แล้ว อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยในมาตราของการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่สั่งฆ่า ประชาชน ซึ่งรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้สลายการชุมนุมจนนำมาสู่การเสียชีวิตของประชาชนมาก ถึง 98 ศพ เป็นเรื่องไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งหากจะมีการนิรโทษกรรม ดังกล่าว ความผิดนี้เกินกว่าที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะรับได้ และโหดร้ายเกินไปสำหรับครอบ ครัวที่สูญเสียญาติพี่น้อง

ปชป.เชื่อแม้ว-วัฒนาอยู่เบื้องหลัง

นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ของพล.อ.สนธิ ซึ่งจากเดิมผลสรุปของสถาบันพระปกเกล้าเสนอทางเลือกออกมา 3 แนวทาง ในแนว ทางที่ 3 ระบุว่าให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดยคตส.ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการและที่ตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีก ครั้ง ซึ่งตนเห็นว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่สุดขั้ว และไม่สมควรเกิดขึ้น ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันพระปกเกล้าสอบถามความคิดเห็นทั้งหมด 54 คน โดยมี 2 คนที่เห็นด้วยกับการนำเสนอแนวทางดังกล่าว คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่แน่ใจว่าอีกคนหนึ่งจะเป็นนายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือไม่ เชื่อได้ว่าบุคคลทั้ง 2 คือผู้มีอิทธิพลซึ่งอยู่เบื้องหลังการนำไปสู่การออกพ.ร.บ. ปรองดอง

ติงเสื้อแดงตกเป็นเครื่องมือ


นาย นิพิฏฐ์ กล่าวว่าการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจะเอื้อประโยชน์ให้พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะจะทำให้บางคดีของพ.ต.ท. ทักษิณ ถูกโละทิ้งโดยไม่มีเหตุผล และอย่านำมาอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวทุกคนจะได้ประโยชน์รวมไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เพราะทั้ง 2 คนยืนยันมาตลอดว่าไม่ต้องการนิรโทษกรรม เพราะอยากให้พิสูจน์ความจริงกันก่อน คนเสื้อแดงบางส่วนยังไม่เห็นด้วยกับการเสนอให้นิรโทษกรรม เชื่อว่าการเสนอกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการปูทางไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ อยากเรียกร้องให้คนเสื้อแดงตาสว่างเสียที และทบทวนว่ากำลังตกเป็นเครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่

"ผมยอมรับ ได้หากจะนำคดีการทุจริตของพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาพิจารณาใหม่ในรอบสอง แต่ถ้าจะโละทุกคดีทิ้งไปโดยไม่มีการสอบสวนความจริงผมไม่เห็นด้วย ช่องทางเดียวในขณะนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการได้คือต้องรอให้มีการ พิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดองในวาระ 3 เสร็จสิ้นเสียก่อน พรรคประชาธิปัตย์จึงจะส่งเรื่องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เพราะร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวเป็นการออกกฎหมายที่มีเนื้อหาไปยกเลิกมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญซึ่งไม่สามารถกระทำได้" นายนิพิฏฐ์กล่าว

เลื่อนวาระต้องถกฝ่ายค้านก่อน

ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเลื่อนร่างพ.ร.บ.ปรองดอง แห่งชาติขึ้นมาพิจารณาก่อนว่า เป็นเรื่องที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านต้องพูดคุยกัน เพราะหากรับหลักการในวาระที่ 1 ผ่าน จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ก่อนเข้าสู่วาระที่ 2 โดยจะต้องตกลงกับทางวิปรัฐบาลถึงสัดส่วนกรรมาธิการ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานจากวิปรัฐบาล หากจะมีการเลื่อนร่างพ.ร.บ. ขึ้นพิจารณาตามข้อบังคับระบุว่าต้องเลื่อนก่อน 1 วัน หากจะพิจารณาในวันที่ 31 พ.ค. ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ต้องมี ส.ส. เป็นคนเสนอเลื่อน และต้องมีผู้รับรอง 20 คน แต่หากมีส.ส.ไม่เห็นด้วยต้องโหวตในที่ประชุม โดยใช้เสียงครึ่งหนึ่งของที่ประชุม

ชวนนท์ชี้ช่วยแม้วกลับอย่างเท่

นาย ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าขอฝากไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์ว่าขณะนี้ โดนต้มจนสุก เพราะในสาระของ 8 มาตรา ไม่มีอะไรที่เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่มีเรื่องไพร่ อำมาตย์ ไม่มีเรื่องสองมาตรฐาน ไม่ได้แก้ปัญหาประชาชนตามที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเคยปลุกระดม แต่ที่ชัดเจนจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับบ้านอย่างเท่มาก คือไม่ติดคุก ไม่มีความผิด และได้ทรัพย์สินคืน ซึ่งเป็นผลพวงจากมาตรา 5 และเหตุการณ์ 8 ปีที่ผ่านมาถือเป็นสุญญากาศของประเทศ ไม่ต้องมานั่งนับว่ามีคนเสียชีวิตกี่ศพ เท่ากับว่าบุคคลเหล่านั้นต้องตายฟรี อยากให้คนเสื้อแดงตาสว่างเสียที

"พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะขอคัด ค้านร่างพ.ร.บ.นี้เต็มที่ทั้งในและนอกสภา จะตั้งเวทีสานเสวนาประชาธิปไตย เพื่อให้ความรู้กับประชาชนทั่วประเทศว่ามีการละเมิดหลักนิติรัฐและนิติธรรม อย่างไร ขณะนี้ทีมกฎหมายของพรรคกำลังพิจารณาว่าจะเข้าชื่อกันเพื่อยื่นต่อศาลรัฐ ธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องความชอบของกฎหมายนี้ได้หรือไม่ เพราะเป็นการใช้กฎหมายที่เล็กกว่ามาล้มล้างมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ ถือว่าขัดต่อหลักนิติรัฐของประเทศ" นายชวนนท์กล่าว

สดศรีแจงพร้อมทำตามกฎหมาย

นาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ให้ความเห็นถึงร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ว่า ยังไม่เห็นตัวกฎหมายที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบและติดตามจากสื่อมวลชนนั้นคิดว่าเป็นกฎหมายสำหรับเยียวยาการ กระทำต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา หรืออาจจะคล้ายๆ กับการนิรโทษกรรม ที่ทำให้เรื่องต่างๆ จบลง กรณีที่บอกว่าการรัฐประหารเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นองค์กรต่างๆ อาทิ คตส. ที่ตั้งขึ้นโดยคปค.ก็น่าจะไม่ชอบด้วยนั้น เป็นเรื่องมุมมองของการเมือง ในส่วนผู้ปฏิบัติงานอย่างกกต.เราก็ปฏิบัติตามกฎหมาย หากร่างพ.ร.บ.ปรองดองมีผลบังคับใช้จะลบล้างการกระทำต่างๆ หรือไม่นั้นน่าจะเป็นเรื่องของสภาถกเถียงกัน เมื่อประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตยก็ต้องฟังเสียงข้างมาก กกต.คงไม่มีอะไรโต้แย้ง อะไรที่ทำไห้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ดำเนินการต่อไป ในเรื่องสมานฉันท์ ประนี ประนอมกัน กฎหมายจะออกอย่างไรก็ได้ เมื่อผ่านสภาเห็นชอบเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กกต.ทั้ง 5 คนไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ต้องอยู่ที่ฝ่ายบริหารพิจารณาในเรื่องนี้ ส่วนที่เกรงกันว่าหากมีผลบังคับใช้จริงจะทำให้ประชาชนบางส่วนลุกขึ้นต่อต้าน นั้น คงต้องมีคนต่อต้านบ้าง เนื่องจากคนเรามีมุมมองที่แตกต่างกัน การที่มีคนบางส่วนลุกขึ้นมาต่อต้านเราต้องถามว่าจะทำให้ประเทศเราเดินหน้า ได้หรือไม่ ทุกฝ่ายควรหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น

ชูวิทย์ชี้บิ๊กบังเปลืองตัว-แม้วสุดคุ้ม

นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวว่าการที่พล.อ.สนธิยอมเปลืองตัวรับหน้าเสื่อเป็นประธานกรรมาธิการ ปรองดอง รับงานนี้มาผลักดันเมื่อขบวนการปรองดองออกมาเป็นรูปเล่มโดยสถาบันพระปกเกล้า ผ่านพิธีกรรมปลุกเสกความถูกต้อง อ้างความชอบธรรมของงานวิชาการแล้ว รอจังหวะชงเข้าสู่สภาก็ถือว่างานสำเร็จตามที่รับมอบหมาย พรรคเพื่อไทยก็มอบตำแหน่งกรรมาธิการงบประมาณปี"56 ให้ "มีความพยายามที่จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นใหม่อีกชุด คือชุดทหารที่คุมงานกลาโหมของกองทัพทั้งหมดเป็นอนุฯชุดที่ 8 เดิมคาดว่าจะตั้งให้พล.อ.สนธิเป็นประธาน แต่เมื่อมีข้อมูลออกเป็นข่าว ก็อาจจะคลาดเคลื่อนไม่ให้มันชัดเจนมากไป แต่ฟันธงว่าสุดท้ายพล.อ.สนธิจะเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมาธิการทหารในกรรมา ธิการงบปี"56 เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการ พิจารณางบประมาณของกองทัพ ไม่เคยมีส.ส.หน้าไหนกล้าตัดงบทหาร แต่ปีนี้คาดได้ว่าจะมีการตัดงบลง" นายชูวิทย์กล่าว

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่าพล.อ.สนธิยอมเปลืองตัว แต่เกมนี้คนที่คุ้มสุดคือพ.ต.ท. ทักษิณ ตนเชื่อว่าที่สุดกระบวนการปรองดองจะผ่านไปได้ในส่วนที่เป็นคดีความทั้งใน ส่วนของการชุมนุมของสีต่างๆ โดยไม่เกิดความรุนแรง เนื่องจาก 1.สังคมไทยเบื่อหน่ายกับความไม่สงบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งบอบช้ำมาก 2.คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณอ่อนแรง ขาดผู้นำ คนที่เคยต่อต้านอยู่ในภาวะช็อก 3.ในการตั้งม็อบ จัดมวลชนต้องใช้ทุน เวลานี้ไม่มีเจ้าภาพที่กล้าทุ่มทุนอีกแล้ว เพราะมีตัวอย่างให้เห็น

เลขาฯกกต.โต้คดีปชป.อืด

นาย ภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. ชี้แจงถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในการตรวจสอบการรับเงิน บริจาค 1 ล้านบาท จากบริษัท อีสท์ วอเตอร์ ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา มีหนังสือร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง จำนวน 2 ฉบับ เมื่อวันที่ 5 และ วันที่ 11 ม.ค. 2555 ให้ตรวจสอบนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองได้มอบหมายให้สำนักกิจการพรรคการเมืองฯ ตรวจสอบคำร้องว่าเข้าข่ายกระทำความผิดพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ จากนั้นมีการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง และได้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอความเห็นชอบ ในการประชุมครั้งที่ 18/2555 เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2555 จากนั้นจึงมีการไต่สวนข้อเท็จจริง และได้ทำหนังสือให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง รวมถึงนายเรืองไกรด้วย

นัดถกผู้เกี่ยวข้อง 31 พ.ค.นี้

นาย ภุชงค์กล่าวต่อว่าจนกระทั่งวันที่ 17 พ.ค.2555 คณะกรรมการไต่สวนฯได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาข้อกฎหมาย ประกาศที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินการกำหนดประเด็นข้อกล่าวหาตามคำร้องและมีมติให้ดำเนินการทำ หนังสือถึงอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบสถานะของบริษัท อีสท์ วอเตอร์ อีกทั้งมีหนังสือเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำอีกครั้ง หนึ่ง รวมถึงมีหนังสือถึงผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขากระทรวงพลังงาน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการรับจ่ายเงินของพรรคประชาธิปัตย์ และมีหนังสือถึงสำนักกิจการพรรค การเมือง เพื่อให้จัดส่งเอกสารเกี่ยวกับการรับบริจาคและงบการเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อตรวจสอบการรับบริจาคการจัดทำงบการเงินของพรรคการเมือง โดยให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมให้ข้อเท็จจริงในวันที่ 31 พ.ค.อีกครั้ง จึงยืนยันว่าการดำเนินการเรื่องนี้ไม่ได้ประวิงเวลาหรือนิ่งเฉยแต่อย่างใด



เงินสะพัดคืนหมาหอน"นายกอบจ."

วัน ที่ 26 พ.ค. นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมในการเลือกตั้งนายก อบจ.และส.จ.ในวันที่ 27 พ.ค. ที่จ.นครพนม นายประพันธ์กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มาก เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญของผู้สมัครที่มีชื่อเสียงทั้ง 2 คน คือ เบอร์ 1 นายสมชอบ นิติพจน์ เบอร์ 2 น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ ยงใจยุทธ ขณะนี้มีการร้องเรียนที่ เขต 2 อ.เมืองนครพนม 1 เรื่อง เรื่องการหลอกลวงให้เชื่อถือ ซึ่งกกต.กำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าว

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าในสนามนายกอบจ.นครพนมนี้ถือเป็นศึกสายเลือด ระหว่างนายสมชอบ นิติพจน์ อดีตนายกอบจ.ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อดีตส.ส.นครพนม พรรคความหวังใหม่ ขณะที่น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ ยงใจยุทธ เป็นหลานพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่

ส่วนที่จ.สุรินทร์และจ.เชียงรายซึ่งจะ มีการเลือกตั้งนายกอบจ.ในวันที่ 27 พ.ค.เช่นกัน การแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยที่จ.สุรินทร์ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนคืนหมาหอนและคืนหมาหอนมีการแจก เงินซื้อเสียงหัวละ 50-100 บาท พร้อมกับมีการพนันขันต่อด้วย

ขณะที่ สนามเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงรายเป็นที่น่าจับตามองระหว่างนางรัตนา จงสุทธนามณี แชมป์เก่า ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพรรคภูมิใจไทย กับนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยานาย ยงยุทธ ติยะไพรัช คนสนิทพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์กระแสความนิยมพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

ด้าน บรรยากาศก่อนวันเลือกตั้งนายกอบจ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรดาผู้นำท้องถิ่นตำบลสากเหล็ก 3 หมู่บ้านยกขบวนนำ นาฬิกา มาร้องนายอำเภอเพื่อให้ตรวจ หลังจากมีหัวคะแนนผู้สมัครนายกอบจ.มามอบให้กับท้องถิ่น เพื่อให้เลือกผู้สมัครนายก อบจ.รายหนึ่ง เกรงว่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งนายอำเภอได้แจ้งให้กกต.ทราบแล้ว

วันเดียวกัน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา นายธวัชชัย จึงจรรยา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103-105 ถนนสืบศิริ 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หนึ่งในหัวคะแนนผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เข้าพบพ.ต.ท.จำนง สายป้อง สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. ตนเองพร้อมพวกสามารถควบคุมตัวนายธิติโชค มายขุนทด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 463/4 ซ.ชัยณรงค์ 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หัวคะแนนผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วยธนบัตรใบละ 500 บาท จำนวน 2 ใบ บรรจุใส่ซองจดหมาย รวมซองละ 1 พันบาท จำนวน 66 ซอง พร้อมด้วยรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของชุมชนหนองโสน ซึ่งกำลังเดินเคาะประตูบ้านตามรายชื่อ

ภายหลังการสอบสวนพ.ต.ท.จำนง สายป้อง เปิดเผยว่านายธิติโชคให้การรับสารภาพว่าตนเป็นหัวคะแนนให้กับผู้สมัครราย หนึ่งที่ลงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาจริง โดยรับเงินมาจากนายดำ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ที่เป็นหัวคะแนนคอยจ่ายเงินให้กับหัวคะแนนรายย่อยเพื่อนำไปซื้อเสียง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งไปยังกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด นครราชสีมาแล้ว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธิติโชค ฐานกระทำการเพื่อจูงใจ ผู้มิสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัคร โดยให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์ หรือประโยชน์อื่นใด

ด้าน ผศ.ดร.อดิสร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา วิเคราะห์ถึงจำนวนเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนคร นครราชสีมา ในทุกพื้นที่มีการนำเงินเข้ามาซื้อเสียงประชาชนกว่า 80-100 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ยหัวละ 500 บาท บางพื้นที่มีการจ่ายเงินให้ซ้ำ โดยเพิ่มเป็น 1,500-2,000 บาท ประกอบกับการลงทุนการโฆษณาหาเสียงทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนสะพัดกว่า 200 ล้านบาท



ชี้การเมืองเข้ม"บ้าน111"คืนชีพ


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการจัดงานเสวนา "พลวัตทางการเมือง หลัง 111 คืนชีพ" โดยมีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และนักการเมืองเข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ประกอบด้วย นาย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ไทยรักไทย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตส.ว.ตาก และอดีตส.ส.ร.2540

นายวิชิต กล่าวว่า ขณะนี้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นที่สนใจของสังคมไทยเป็นอย่างมาก การกลับมาครั้งนี้มีผลแน่นอน แต่จะมีมากหรือน้อยต้องเป็นไปตามสถานการณ์ของสังคม ส่วนที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีแทนที่รัฐมนตรีในขณะนี้นั้นยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าต้องมีการปรับครม.แน่นอน โดยสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะไม่มีการต่อรองตำแหน่งอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีการมอบหมายงานมาก็พร้อมจะทำ หน้าที่หลักของพวกเราคือการต่อต้านรัฐประหาร

ด้านนายสุวัจน์ กล่าวว่าในกรณีของบ้านเลขที่ 111 ในด้านการเมืองมีผลกระทบทันที เพราะไม่มีใครอยากเป็นกรรมการบริหารพรรค และเกิดคำว่า "นอมินี" ขึ้นมา ทำให้พรรคการเมืองที่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยอ่อนแอลง ส่วนที่เกิดกับรัฐบาลก็เกิดรัฐมนตรีนอมินี ผลกระทบคือความอาวุโสไม่ถึง ขาดการยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชา ผลกระทบสุดท้ายคือสภา ที่เป็นบทบาทสำคัญเวลาบ้านเมืองมีวิกฤตขาดประสิทธิภาพลงไป เมื่อบ้านเลขที่ 111 กลับมา ผลกระทบทั้ง 3 ด้านจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น บ้านเมืองจะแข็งแกร่งขึ้น ประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติจะเชื่อมั่นเพราะเป็นการกลับมาของนักการเมืองที่มีประสบ การณ์เต็มเอี้ยด มีความสามารถ มีบารมี

"5 ปีที่ผ่านมานั้น ใครที่ผ่านการเมืองในช่วงนั้นมาได้ถือว่าเก่งมาก เกิดอะไรในประเทศไทยมาก บ้านเลขที่ 111 หลายคน ก็กลัวการเมืองไม่อยากกลับมา แต่เมื่อสังคมต้องการให้มาช่วยงานของประเทศเราก็ต้องทำ หากผมไปอยู่จุดไหนแล้วมีประโยชน์ ผมก็จะไปอยู่จุดนั้น" นายสุวัจน์กล่าว

นาย นิพิฏฐ์ กล่าวว่าการกลับมาของบ้านเลขที่ 111 ถึงให้เก่งอย่างไรถ้ารัฐบาลขัดแย้งกับมวลชนก็จะล้มทันที ต้องจับตาที่มวลชน ไม่ใช่จับตาที่บ้านเลขที่ 111 วันนี้มวลชนพัฒนาไปมากแล้ว การใช้เงินซื้อเสียงในภาคอีสาน ภาคใต้ เพื่อให้เลือกเป็นส.ส.ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะประชาชนมีความเชื่อมโยงกับส.ส.ในพื้นที่ การกลับมาของบ้านเลขที่ 111 จะมีปัญหากับพรรคเพื่อไทยคือขณะนี้ในพื้นที่มีส.ส.เต็มหมดแล้ว ไม่มีพื้นที่ให้แทรกได้อีก ไปแทรกในพื้นที่คนอื่นก็คงไม่มีใครยอม แต่หากเป็นการปรับครม.อาจง่ายกว่า

"การยึดอำนาจวันนี้ไม่มีใครเห็น ด้วยแล้ว ส่วนพ.ร.บ.ปรองดองที่กำลังเสนอเข้าสู่สภาเป็นกฎหมายสุดขั้ว ประเด็นนี้ที่กำลังก่อให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น ไม่สร้างความปรองดองแต่จะสร้างความขัดแย้งมากขึ้น การคืนทรัพย์ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดจะเกิดคำถามว่าทำไมถึงไม่คืนให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ ที่ถูกยึดทรัพย์เหมือนกัน ไม่มีคำอธิบายทางกฎหมาย ถ้ามีการคืนทรัพย์ที่ยึดคืนให้พ.ต.ท.ทักษิณ ผมขอเป็นทนายให้ทั้งสองคนนี้" นายนิพิฏฐ์กล่าว




เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์