ใจเด็ด ชงปปช.ชุดใหญ่ยึดทรัพย์ ปลัดสุพจน์ จากส่วนเกินรายได้ 29 พ.ค.นี้

ภาพจาก ข่าวสดภาพจาก ข่าวสด


ป.ป.ช. ชี้ “ปลัดสุพจน์” ร่ำรวยผิดปกติ-เตรียมร้องศาลให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน

วันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษก ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ร่ำรวยผิดปกติ ว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าเมื่อครั้งที่นายสุพจน์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร่ำรวยผิดปกติเกี่ยวกับเงินของกลางซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อายัดไว้จำนวน 18,121,000 บาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเป็น 2 ประเด็น คือ

         1.ของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่นั้น พบว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2554 เวลาประมาณ 19.00 น. มีคนร้ายเข้าไปปล้นบ้านของนายสุพจน์ และนำทรัพย์สินหลบหนีออกไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้บางส่วน และยึดทรัพย์สินคืนมาได้เป็นเงินสด 18,121,000 บาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท จากการสอบปากคำผู้ต้องหาในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ให้การสอดคล้องกันเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการปล้นทรัพย์บ้านของผู้ถูกกล่าวหาได้แก่ วันและเวลาที่เข้าไปปล้น จำนวนผู้ต้องหาที่ร่วมปล้น การดำเนินการระหว่างปล้น จำนวนเงินสดที่ปล้นไปจากบ้านนายสุพจน์ และการถูกจับกุมพร้อมเงินสดของกลาง ซึ่งพยานบุคคลที่เป็นผู้ต้องหาดังกล่าวไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายสุพจน์และไม่อยู่ในฐานะที่จะมีทรัพย์สินตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดคืนมาได้ จึงฟังได้ว่าผู้ต้องหาให้การเกี่ยวกับของกลางที่ปล้นไปจากบ้านนายสุพจน์ ด้วยความเป็นจริง

        2.ของกลางจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่นายสุพจน์ ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ในประเด็นนี้นายสุพจน์ ชี้แจงว่า เงินสดที่ถูกปล้นไป 5,068,000 บาท โดยแยกเป็นเงินสินสอด จำนวน 2,000,000 บาท เงินที่นายทศพร ปราบใหญ่ บิดาของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ จำนวน 2,500,000 บาท และเงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่ รวม 568,000 บาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เงินสินสอด จำนวน 2,000,000 บาท จากการตรวจสอบธนบัตรของกลางในคดีมีลักษณะใช้งานมาแล้ว ไม่ได้มีลักษณะเป็นธนบัตรใหม่ดังปรากฏในภาพถ่ายเงินสินสอดในงานมงคงสมรส และตามคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีธนบัตรที่มีปลอกคาดของโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ดังปรากฏในภาพถ่ายเงินสินสอดในงานมงคลสมรสรวมอยู่ในเงินของกลางอยู่ด้วย จึงฟังได้ว่าเงินของกลางในคดีไม่ใช่เงินสินสอดที่นายสุพจน์ ได้รับไว้ในงานแต่งงานของบุตรสาว ส่วนเงินที่นายทศพร มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ จำนวน 2,500,000 บาทนั้น พบว่ามีนายทศพร คนเดียวที่ยืนยันว่าให้เงินดังกล่าวแก่นายสืบพงษ์ และเป็นการมอบให้ในที่ลับตาไม่มีพยานบุคคลอื่นรู้เห็น อีกทั้งคำให้การของนายทศพร ไม่น่าเชื่อถือเพราะมอบให้ในงานแต่งงานโดยฉุกละหุก ไม่เปิดเผย และอ้างว่าไม่ต้องการให้บุคคลอื่นรู้ก็ไม่มีเหตุผล จึงฟังว่าไม่มีการมอบเงินดังกล่าวกันจริง ขณะที่เงินรับไหว้ จำนวน 586,000 บาท พิจารณาแล้วเห็นว่ามีการมอบให้จริง และอาจรวมอยู่ในเงินของกลางจำนวนดังกล่าว

ส่วนเงินที่เหลือจำนวน 13,053,000 ล้านบาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท ที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการปล้นทรัพย์ไปซื้อ ฟังได้ว่าเป็นเงินของนายสุพจน์ ที่คนร้ายปล้นมาจากบ้านในวันเกิดเหตุ โดยที่นายสุพจน์ ไม่เคยแจ้งไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และไม่สามารถชี้แจงที่มาของจำนวนเงินดังกล่าวได้

ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นว่า นายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกติโดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ และมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ เป็นจำนวนเงิน 17,553,000 บาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท ที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการปล้นทรัพย์ไปซื้อ ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ส่วนรายการทรัพย์สินอื่นๆของนายสุพจน์ ได้แก่ เงินฝากในบัญชีธนาคาร ที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เลื่อนการพิจารณาไปในวันที่ 29 พ.ค. 2555

ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า สำหรับทรัพย์สินในส่วนบัญชีธนาคาร ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินอื่นๆของนายสุพจน์ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 29 พ.ค. นั้น นายสุพจน์ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินของตัวเองและคู่สมรสต่อป.ป.ช.ว่า มีทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่า 50 กว่าล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นป.ป.ช.พิจารณาดูแล้วเห็นว่า เมื่อนำเงินเดือนรายได้ต่างๆ และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆของนายสุพจน์ตลอดชีวิตรับราชการ มาหักลบกลบหนี้กับค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆแล้ว นายสุพจน์และครอบครัวไม่น่าจะมีทรัพย์สินเกิน 20-30 ล้านบาท แต่นายสุพจน์กลับมีทรัพย์สินสูงถึง 50 กว่าล้านบาท จึงเห็นว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติเกินกว่าตำแหน่งหน้าที่การงานจะพึงมี ซึ่งป.ป.ช.กำลังพิจารณาหาหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ว่า จะมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะยึดทรัพย์สินส่วนที่เหลือเพิ่มเติมได้หรือไม่





"ใจเด็ด" ชงปปช.ชุดใหญ่ยึดทรัพย์ "ปลัดสุพจน์" จากส่วนเกินรายได้ 29 พ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องกล่าวหานายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ขณะที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม (คค.) ร่ำรวยผิดปกติ กล่าวถึงการพิจารณาคดีดังกล่าวต่อในการประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่วันที่ 29 พ.ค.นี้ ในส่วนของรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแสดงต่อป.ป.ช. และทรัพย์สินอื่นที่ไม่ได้ยื่นไว้ต่อป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมจะพิจารณาโดยเปรียบเทียบทรัพย์สินของนายสุพจน์จากบัญชีที่เคยยื่นไว้ก่อนและหลัง โดยพิจารณาจากรายได้ที่นายสุพจน์มีในช่วงเวลาดังกล่าว ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นผิดปกติหรือไม่ เบื้องต้นคณะอนุกรรมการไต่สวนเสนอให้ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่มีมติให้ยึดทรัพย์สินส่วนที่เกินกว่าที่ควรได้ตกเป็นของแผ่นดิน

ส่วนทรัพย์สินของนายสุพจน์ที่ยื่นป.ป.ช.จะมีเกินกว่า50 ล้านบาทหรือไม่ซึ่งถือว่าสูงผิดปกติหรือไม่ นายใจเด็ด กล่าวว่า “เรื่องนี้ผมไม่ทราบเพราะเป็นรายละเอียดที่ต้องไว้กันในที่ประชุมป.ป.ช.”

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์